เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 10 พรรคพลังประชารัฐ เปิดถึงกรณีพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ก่อนถูกฝ่ายการเมืองตอบโต้โดยให้กลับไปทำหน้าแทนการมายุ่งกับการเมืองนั้น ว่า ตนในฐานะที่เคยเป็นอดีต นปช. และร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมานานเห็นว่า การแสดงความคิดเห็นของ ผบ.ทบ.มีเจตนาห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง และตนเห็นด้วยกับท่านว่าบ้านเมืองจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย จึงจะเดินหน้าต่อไปได้ และกรณีที่ผบ.ทบ.ระบุว่ามีนักวิชาการที่เรียนจบจากต่างประเทศจะมาเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทย ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นตนเองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทยเทิดทูนอยู่เหนือหัวใครจะมีเปลี่ยนแปลงหรือคิดล้มล้างไม่ได้
นายสุภรณ์ กล่าวว่า การที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย และว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ผบ.ทบ.นั้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการกินปูนร้อนท้อง อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว อย่าลืมว่าปัญหาบ้านเมืองที่ผ่านมาใครเป็นคนเริ่มต้นใครเป็นคนจุดประกายจนทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายมาถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่มีกองทัพเข้ามาปกป้องป่านนี้ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ที่ผบทบ.ออกมาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ตนในฐานะที่เคยอยู่ นปช.ขอยืนยันว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่เป็นการสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของประชาชนแต่เป็นการแสวงหาอำนาจเพื่อบุคคลและเพื่อตระกูลใดตระกูลหนึ่งเท่านั้น
“ผมขอเตือนหากพรรคเพื่อไทยยังไม่หยุดที่จะแสวงหาอำนาจให้กับตระกูลดังหรือทำเพื่อตัวเองแล้วบ้านเมืองก็จะเกิดวิกฤติขึ้นมาอีกครั้ง ผมในฐานะที่เคยเป็น นปช.ขอท้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ที่เหลืออยู่ทุกคนทุกเวทีและพร้อมแฉว่าที่ผ่านมาใครทำอะไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่มีเจตนาที่จะเผาบ้านที่เคยอยู่แต่จะทำเพื่อให้พรรคเพื่อไทยหยุดการกระทำเสียก่อนที่จะกลายเป็นชนวนทำให้บ้านเมืองเสียหายเหมือนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา” นายสุภรณ์ กล่าว
เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง
นายสุภรณ์ กล่าวว่า การที่พล.อ.อภิรัชต์ ออกมาพูดเพื่อเป็นการปรามและปกป้องประเทศชาติไม่ให้คนไทยออกมาต่อสู้กันบนท้องถนนอีก การที่พรรคเพื่อไทยไปกล่าวหาว่าฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นเผด็จการนั้นเป็นการแบ่งแยกคนในสังคมให้เกลียดชังกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็เกิดเผด็จการรัฐสภาเสียงข้างมากลากไปจนเกิดการโกงกินทุจริตเกิดขึ้นมากที่สุด จนส่งผลให้ประเทศชาติพังย่อยยับซึ่งเลวร้ายกว่าเผด็จการอื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงด้วยซ้ำไป ขณะนี้มีการสร้างสถานการณ์กล่าวหาใส่ร้ายการทำงานของ กกต.และพรรคพลังประชารัฐเพื่อที่จะสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตนขอร้องให้หยุดวาทะกรรมสร้างภาพใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมืองเพื่อหวังให้ตนเองกลับมาอำนาจ จึงขอเตือนให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติหยุดการกระทำนั้นเสียก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เพราะถ้าเกิดความไม่สงบขึ้นบ้านเมืองก็ไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์มีแต่ประเทศชาติเสียหาย
