ยังวิกฤต หมอกควันแม่สาย เชียงราย หวัง’ยักษ์เขียว’ฟื้นท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 12 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มจิตอาสาวิจัยและพัฒนาพลังงานเพื่อการจัดการภัยพิบัติ และทีมงานเครือข่ายเพื่อนเตือนภัยขอนแก่น ยังคงเดินเครื่องดูดฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือพีเอ็ม 2.5 ซึ่งเป็นเครื่องต้นแบบ หรือ “ยักษ์เขียว” ซึ่งได้นำมาติดตั้งไว้บริเวณด้านหลังโรงแรมแม่โขงเดลต้า อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ได้เดินเครื่องนานกว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แม้จะทำให้บริเวณรอบรัศมี 1 กิโลเมตร จะมีสภาพโปร่งใสและมีปริมาณหมอกควันที่น้อยลง แต่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของกรมควบคุมมลพิษที่วัดได้ที่ตำเวียงพางคำ ยังมีค่าที่สูงเกินมาตรฐาน โดยค่าพีเอ็ม 2.5 วัดได้ 195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าพีเอ็ม 10 วัดได้ถึง 246 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ เนื่องจากพบว่ายังมีหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้านและพื้นที่อำเภอตามแนวชายแดนยังมีการลักลอบเผาอย่างต่อเนื่อง จนพบจุดฮอตสปอตเกิดขึ้นอย่างหนาแน่น อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มเครือข่ายก็ยังตั้งเป้าที่จะเดินเครื่องยักษ์เขียวให้ครบ 70 ชั่วโมงหรือจนถึงประมาณวันที่ 15 เมษายน โดยคาดหวังที่จะช่วยให้ปริมาณฝุ่นในพื้นที่ลดลง จากนั้นจะประเมินสถานการณ์ว่าจะมีการย้ายจุดเดินเครื่องหรือทางพื้นที่มีความต้องการที่จะให้ช่วยดูดฟอกอากาศให้หรือไม่ หากไม่มีหน่วยงานไหนต้องการก็จะนำเครื่องยักษ์เขียวเดินทางกลับ จ.ขอนแก่นต่อไป ซึ่งเบื้องต้นทางเทศบาลตำบลแม่สายก็ได้แสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการที่จะไปติดตั้งที่หน้าที่ทำการเทศบาลแม่สาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากทางอำเภอและทางจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายชายแดนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่สาย กล่าวว่าหมอกควันไฟได้ปกคลุมพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย นานกว่า 32 วันแล้ว โดยค่าฝุ่นละอองอยู่ในระดับสีแดงนานกว่า 20 วัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพของประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแต่ไม่กระทบถึงการค้าชายแดนที่ยังมีการค้าขายเป็นปกติ แต่ที่หายไปจริงๆ คือการค้าชายในตลาดชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

น.ส.ผกายมาศ กล่าวด้วยว่าการที่เจ้ายักษ์เขียวได้เข้ามาเดินเครื่องทำการดูดฟอกอากาศในพื้นที่ทำให้ภาคธุรกิจมีความหวังว่าเครื่องดังกล่าวจะช่วยพื้นสถานการณ์ด้านท่องเที่ยวของพื้นที่ให้ดีขึ้นมากกว่าจะสร้างผลเสีย เพราะหมอกควันเป็นภัยธรรมชาติ ยิ่งหากไม่มีการดำเนินการอะไรก็ยิ่งทำให้สถานการณ์นั้นยิ่งเลวร้ายลง แม้วันนี้ยักษ์เขียวจะยังไม่เห้นผลชัดเจน แต่ก็คาดว่าหากครบ 70 ชั่วโมงหรือตรามที่ทางทีมจิตอาสาตั้งเป้าไว้ก็หวังที่จะเห็นปริมาณหมอกควันเบาบางลง ซึ่งทางภาคธุรกิจเองก็อยากให้เครื่องดังกล่าวมีการเดินเครื่องในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์หมอกควันจะคลี่คลาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมที่มาดำเนินงานและนห่วยงานอื่นๆในพื้นที่ด้วย หากสถานการณ์หมอกควันยังเป็นเช่นนี้เชื่อว่าจะกระทบการท่องเที่ยวสงกรานต์ ซึ่งปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์จริงนักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยเลือกที่จะมาพื้นที่อยู่แล้วไม่เหมือนช่วงฤดูหนาว เพราะสถาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวส่วนใหญ่จะหนีไปเที่ยวทะเล แต่ก็ยังหวังที่จะเห้นการท่องเที่ยวที่คึกคัก หากสถานการณ์หมอกควันดีขึ้นก็จะช่วยตัดสินใจให้นักท่องเที่ยวเข้ามา โดยเฉพาะคนที่เดินทางกลับมาบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะเข้ามาเที่ยวและมาเลือกซื้อสินค้าของฝากของทีระลึก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image