เมื่อวันที่ 12 เมษายน ศูนย์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ กองทัพภาคที่3 ส่วนหน้า จ.เชียงใหม่ รายงานการตรวจพบจุดความร้อน หรือ Hotspot ภาคเหนือ จำนวน 967 จุด ณ เวลา 01.47 น. (เพิ่มขึ้น -วานนี้ 708 จุด) จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ซึ่งได้แจ้งให้ทราบเมื่อเวลา 07.30 น. โดยแยกเป็น
1.เชียงราย จำนวน 206 จุด
2. เชียงใหม่ จำนวน 139 จุด (เมื่อวันที่ 11 เมษายน 109 จุด)
3. แม่ฮ่องสอน จำนวน 124 จุด
4. น่าน จำนวน 122 จุด
5. ลำปาง จำนวน 111 จุด
6. พะเยา จำนวน 98 จุด
7. ตาก จำนวน 93 จุด
8. แพร่ จำนวน 64 จุด
9. ลำพูน จำนวน 10 จุด
ในขณะที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งดัชนีขี้วัดคุณภาพอากาศ จ.เชียงใหม่ ว่า อยู่ในเกณฑ์อันตรายมาก เพราะค่า PM2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายประชาชนเกินค่ามาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือว่าสถานการณ์หนักมากขึ้นอีกหลังครบ 7 วัน ของการแก้ปัญหาตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เพราะปริมาณจุดความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเป็นปัจจัยจากภายในประเทศ ไม่รวมปัจจัยจากการเผาของประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่การขึ้นปฏิบัติการเพื่อทำฝนหลวงยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการ แจ้งว่า ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำไม่เพียงพอต่อการทำฝนหลวง
โดย น.ส.หนึ่งฤทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการฯ รายงานว่า สำหรับวันนี้ศักยภาพอากาศจากผลตรวจอากาศชั้นบน โอกาสเกิดเมฆฝนน้อยมาก ทางด้านตะวันตกของภาคเหนือความชื้นสัมพัทธ์ ยังคงต่ำกว่า 60% มีเพียง 30-40% สำหรับทางด้านตะวันออกของภาค มีค่า 40-50% เท่านั้น ดังนั้นโอกาสเกิดเมฆในพื้นที่ภาคเหนือจะค่อนข้างน้อยมาก มีเพียงตอนล่างของภาคที่มีโอกาสเกิดเมฆฝนได้ จากการติดตามสภาพอากาศ ท้องฟ้าโปร่งยังไม่มีเมฆเกิดขึ้น มีเพียงกลุ่มควันปกคลุม จึงขอติดตามสภาพอากาศที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงบ่ายต่อไป หากสามารถปฏิบัติการได้ก็จะดำเนินการทันที
