เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 14 เมษายน 2562 นายบุญเลิศ โกมลหิรัญ อายุ 53 ปี ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องดังแห่งหนึ่ง ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.อ.สุวิทย์ มูลทรงเกียรติ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาครว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.ของวันที่ 13 เมษายน 2562 ขณะที่ตนได้เข้าไปสังเกตการณ์ การจัดงานสงกรานต์ที่บริเวณลานพื้นที่เอกชนใกล้เคียงศูนย์การค้าพอร์โต้ชิโน หมู่ 4 ตำบลนาดี ริมถนนพระราม 2 อ.เมืองสมุทรสาคร งาน “สงกรานต์นี้กับเพื่อนสนุกได้ทุกวัน”
ตนก็ได้ใช้โทรศัพท์ซัมซุงรุ่น S10+ บันทึกภาพความสุขสนุกสนานไปเรื่อยๆ และขณะนั้นเองก็ได้เกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนทำร้ายร่างกายกันขึ้นระหว่างชายวัยรุ่นที่ไปเล่นสงกรานต์และชมดนตรีภายในงาน กับกลุ่มบอดี้การ์ดที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ ซึ่งชายหนุ่ม 3 คน ถูกบอร์ดี้การ์ดของงานทั้งใช้ไม้ตะบองตี และเตะต่อยทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ท่ามกลางสายตาคนที่ไปเที่ยวงานจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นตนบันทึกไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ปรากฎว่าต่อมาได้มีกลุ่มการ์ดของงานกรูกันเข้ามาล๊อคตัวและคว้ากระชากเอาโทรศัพท์ของตนไปโดยที่ตนไม่ยินยอม กระทั่งได้มีการเจรจาจนได้รับโทรศัพท์คืน แต่ปรากฏว่าซิมการ์ดโทรศัพท์ที่บันทึกภาพไว้ ซึ่งมีทั้งภาพสำคัญทางด้านการข่าวอื่นๆ ด้วยนั้น ถูกกลุ่มบอร์ดี้การ์ดเอาไปไม่เอามาคืน ตนจึงมาแจ้งความไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวกลุ่มชายดังกล่าวมาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวขณะปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน
ส่วนทางด้านของชายหนุ่ม 3 คน ที่ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ได้แก่ นายธนากร ชิณณะวิมล อายุ 32 ปี ชาว ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นแผลที่บริเวณใบหน้า ถูกตีได้รับบาดเจ็บ 3 แห่ง และตามลำตัวฟกช้ำ นอนรักษาตัวที่ ร.พ.มหาชัย , นายฐิติพงศ์ ชิณณะวิมล อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก ตามลำตัวมีบาดแผลหลายแห่ง และ นายธนภัทร ชิณณะวิมล อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ปาก และตามร่างกาย โดยทั้งหมดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็พบนายฐิติพงศ์ ชิณณะวิมล อายุ 35 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพาบุตรชายคือ นายธนภัทร ชิณณะวิมล อายุ 17 ปี มาให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนนายธนากร ชิณณะวิมล อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายฐิติพงศ์และเป็นอาของนายธนภัทรนั้น ยังคงนอนรักษาตัวอยู่เมื่ออาการดีขึ้นก็จะมาให้ปากคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน โดยนายฐิติพงศ์ฯ ก็เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุนั้น ตนได้พาลูกชายและน้องชายไปเที่ยวที่งานดังกล่าว ซึ่งจัดโดยบริษัทเบียร์ชื่อดัง ภายในงานมีการแสดงดนตรีของนักร้องดังหลายคน ซึ่งมีอยู่ช่วงจังหวะหนึ่งน้องชายของตนเล่นสาดน้ำไปโดนบริเวณที่เขาควบคุมโดรนสำหรับบินถ่ายบริเวณงานจนถูกต่อว่า แต่น้องชายของตนก็ไปขอโทษ จากนั้นก็ออกมาเล่นน้ำอีกที่หนึ่ง แต่ปรากฏว่าเกิดสาดน้ำไปถูกการ์ดคนหนึ่ง ทำให้การ์ดคนนั้นไม่พอใจและพูดว่าถ้าน้ำโดนวอกับโทรศัพท์ของเขาจะทำอย่างไร แล้วก็ล๊อคตัวน้องชายไว้ ซึ่งน้องชายก็ดิ้นรนขัดขืน จากนั้นก็มีการ์ดคนอื่นๆ เข้ามาช่วยเพื่อนการ์ดด้วยกัน ตนกับลูกชายเห็นน้องชายกับกำลังถูกรุมทำร้าย จึงเข้าไปช่วยแล้วก็ถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ โดยนอกจากจะเตะต่อยกระทืบแล้วก็ยังมีการเอากระบองตีจนหักด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ จึงได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาครเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวกลุ่มการ์ดที่ทำร้ายพวกตนมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกันหลังจากที่นายธนภัทร ได้โพสต์ภาพและข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวแล้วก็มีผู้เข้าไปโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่างๆ ถึงการกระทำที่เกินกว่าเหตุของกลุ่มบอร์ดี้การ์ดดังกล่าว และเรียกร้องให้กฎหมายลงโทษผู้กระทำความผิด แต่มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นรายหนึ่งได้บอกว่า เป็นทีมงานบินโดรนของงาน และลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ค่อนข้างจะแตกต่างจากเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายเล่าให้ฟังบ้างในบางส่วน ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องอยู่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นคนละประเด็นกับการที่บอร์ดี้การ์ดของงานเข้ามาลุกล้ำเส้นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนและเอาทรัพย์สินของสื่อมวลชนรายนี้ไป ซึ่งถือเป็นการคุกคามสื่อ ที่ต้องหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้
