เมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 17 เมษายน 2562 ที่จ.ภูเก็ต นายศิวัชฐ์ ระวังกุล จ่าจังหวัดภูเก็ต พร้อมนายวัชรินทร์ ไชยานุพงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต พ.ท.ณัฐภูมิ ฉัตรภูมิ ผบ.พันสห.41 หัวหน้าชุด ชป.สห.รส.ทภ.4, ร.ท.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ภูเก็ต กรมทหารราบที่ 25, ที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง, ผู้แทนจากสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9, ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว (อบต.ไม้ขาว) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงตรวจสอบอู่ต่อเรือ ตั้งอยู่บริเวณบ้านหยิด หมู่ที่ 7 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 
หลังมีการตรวจสอบพบว่าอู่ต่อเรือเป็นสถานที่ที่ชายชาวต่างชาติ และภรรยาคนไทย เจ้าของที่พักตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading ว่าจ้างให้สร้างอาคารทรงแปดเหลี่ยมและนำไปติดตั้งกลางทะเล ห่างจากเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 12 ไมล์ทะเล โดยเจ้าของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้โฆษณาชักชวนให้ผู้ชื่นชอบแนวคิดดังกล่าว มาอาศัยอยู่เพื่อจัดตั้งชุมชน โดยมีเป้าหมายจะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคต พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังร่วมกันตรวจสอบบริเวณจุดที่มีการนำอาคารลงทะเลด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบอาคารโรงเรือนซึ่งสร้างอยู่บนที่โล่งแจ้ง ภายในอาคารมีเรือยอช์ทขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการต่อ 2 ลำ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ในการต่อเรือและซ่อมเรือ ด้านนอกอาคารมีเรือที่อยู่รอการซ่อมแซมจำนวนหนึ่งด้วย นอกจากนี้พบชายชาวต่างชาติ 1 คน และเจ้าหน้าที่คนไทย 1 คน จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ได้เช่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ต่อเรือและซ่อมเรือยอช์ท ส่วนเอกสารรายละเอียดต่างๆจะอยู่ที่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เจ้าหน้าที่ จึงให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานของบริษัทฯ นำมาให้ตรวจสอบ พบว่ามีการขออนุญาตจัดตั้งบริษัทถูกต้อง แต่ไม่พบเอกสารรายละเอียดการขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535
นอกจากนี้คณะเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบบริเวณจุดที่มีการลากอาคาร 8 เหลี่ยม ซึ่งมีการระบุว่า ได้ว่าจ้างอู่ต่อเรือดังกล่าวดำเนินการ ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ ทั้งนี้มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ อบต.ไม้ขาว ไปตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เช่น การขออนุญาตก่อสร้างโรงงาน เป็นต้น รวมทั้งให้ตรวจสอบพื้นที่ด้วยว่า เป็นพื้นที่ประเภทใด และสามารถขออนุญาตจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้หรือไม่อย่างไร พร้อมทั้งให้รายงานจังหวัดทราบภายในวันที่ 18 เมษายน หากพบว่าไม่ถูกต้องให้ดำเนินการตามกฎหมาย
