หลังจากพรรคภูมิใจไทย มีนโยบาย นำกัญชามาใช้ในการบำบัดโรคหรือรักษาโรค ด้วยมีการวิจัยออกมาแล้วว่า กัญชา มีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หากมีการนำมาใช้และมีกฏหมายควบคุม การผลิต และครอบครอง เพื่อการรักษาหรือบำบัดในทางการแพทย์ จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์อย่างมหาศาล และหลายๆ ประเทศได้ยกระดับพืช จำพวกกัญชา มาใช้ทางทางยา จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยที่จดทะเบียนปลูกให้ถูกต้องตามกฏหมายได้เป็นอย่างดี
โดยในวันที่ 27 เมษายน 2562 ที่จะถึงนี้ สภากัญชา แห่งประเทศไทย จะทำการเสวนาที่สำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อยภาคตะวันออก อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว โดยมี พลตรี เภสัชกร ดร พงศ์ภัทร์ วรงค์พรพรม รองประธานสภากัญชาแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมเสวนาด้วย ในขณะที่จังหวัดสระแก้วเป็นจังหวัดแรกในภาคตะวันออกที่มีความตื่นตัวในการบริการจัดการกัญชา
“เรื่องกัญชาเรามองเป็น 2 นัยยะ คือ 1.ต้องควบคุมได้ ไม่ให้ไปเสพ ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการ ทางการแพทย์ ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ ข้อที่ 2.ในมุมมองของผม คือว่า ถ้าเป็นเรื่องการดูแลบำบัดในเรื่องสุขภาพ ไม่ต้องไปถามแล้ว เพราะพิสูจน์ชัดแล้วว้าสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เพราะไม่ว่าในอเมริกาในยุโรป ในหลายประเทศ ได้ทำเป็นล่ำเป็นสัน แม้กระทั่งในจีน ของไทยเราก็อยู่ที่กฏหมาย ผมก็เห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคภูมิใจไทย ที่ว่าปลูกบ้านละ 6 ต้น ทุกบ้านก็ปลูกใส่ถุงดำได้ได้ศึกษาได้ดูแล ดังนั้น อยู่ที่กระบวนการที่จะควบคุมและศึกษากฏหมายให้ถ่องแท้ มีไว้เพื่อบำบัดรักษาป้องกันโรค ไม่ใช่เอามาสูบใส่บ้องเหมือนโบราณ ถ้าเป็นผู้ป่วยก็ไปแจ้งเขาหรือให้ไปรับที่สาธารณสุข หรือแพทย์อนามัย ก็ได้ หรือ รพ.สต. ต้องออกไปในรูปแบบนั้นมันถึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง” นายสามารถ นิ่มเงิน ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดสระแก้ว (สสส.) จ.สระแก้ว กล่าว
