หนุ่มตกงานเดินกลับบ้าน พบเป็นอดีตทหาร 3 จว.ใต้ สุดขมขื่นกำพร้าพ่อแม่ เมียมีชู้ ญาติยึดที่ดิน

วันที่ 24 เมษายน จากกรณี พ.อ.ปริชญ์ สุคันธศรี รอง ผอ.กอ.รมน.จว.หนองบัวลำภู ขับรถยนต์ปิกอัพจากจังหวัดนครราชสีมา เตรียมจะเดินทางไปที่ทำงานจังหวัดหนองบัวลำภู พบชายคนหนึ่งก้มหน้าก้มตาเดินฝ่าเปลวแดดที่บริเวณ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยความสงสัยจึงชั่งใจอยู่ว่า ชายคนดังกล่าวดีหรือร้าย ก่อนจะหยุดรถให้ชายคนนั้นขึ้นมานั่งที่กระบะท้าย และได้สอบถามจนทราบว่าชายดังกล่าวชื่อ นายศักดิ์นรินทร์ จูมจันทา หรือโด่ง อายุ 26 ปี  อยู่หมู่ 11 บ้านแพงใต้ ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม อดีตเป็นทหารเกณฑ์รับใช้ชาติที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาทำงานเป็นคนงานติดตั้งเสาโทรศัพท์มือถือที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา กับนายจ้างที่เป็นคนจังหวัดเดียวกัน แต่ทำงานได้เพียง 2 วัน งานก็ไม่มี จึงขอกลับบ้าน แต่นายจ้างไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง ให้ติดกระเป๋ามาเพียง 200 บาท ก่อนจะมาส่งที่ท่ารถอำเภอชุมพวง นั่งมาลง บขส.นครราชสีมา (โคราช) เหลือเงินติดก้นถุงเพียง 110 บาท ไม่พอค่าโดยสารตีตั๋วกลับ จึงตัดสินใจเดินเท้า จนมาพบนายทหารคนดังกล่าว

นอกจากนี้ รอง ผอ.กอ.รมน.จว.หนองบัวลำภู ยังให้เงินไปซื้อของกิน นายโด่งซื้อเพียงกาแฟมา 1 กระป๋อง พร้อมยื่นเงินทอนให้ทั้งหมด จากนั้นก็ขับรถมาส่งที่ บขส.ขอนแก่น มอบเงินให้ 1,000 บาท เพื่อเป็นค่ารถกลับจังหวัดนครพนม และนำเรื่องราวมาลงในสื่อโซเซียล จนชาวเน็ตต่างชื่นชม พ.อ.ปริชญ์ สุคันธศรี รอง ผอ.กอ.รมน.ฯ ผู้โพสต์ และแชร์กันสนั่นในโลกออนไลน์

ล่าสุด วันที่ 24 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า โดยประสานทางโทรศัพท์กับ นางเกษแก้ว สุวรรณมาโจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 และนายจรัส ไชยมนตรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านแพงใต้ พาไปพบนายโด่งที่นั่งรถโดยสารมาถึงอำเภอบ้านแพง ในเช้าของวันที่ 22 เม.ย. โดยนายโด่งได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใจบุญ ให้ปลูกกระต๊อบพักอาศัยอยู่ในที่นา ใกล้กับท่อส่งน้ำชลประทาน มีนายอาคม ดงภูยาว อายุ 27 ปี ชาว หมู่ 11 บ้านแพงใต้ ซึ่งเป็นเพื่อนในยามทุกข์ยากคอยช่วยเหลือตามอัตภาพ

กระต๊อบเป็นสังกะสีเก่าแปะล้อม ภายในมีเพียงที่นอนเก่าๆ และกระทะไฟฟ้าเสมือนอุปกรณ์สารพัดประโยชน์เพียงชิ้นเดียว ที่เป็นทั้งหม้อหุงข้าวและปรุงอาหาร ไม่มีห้องน้ำ พร้อมกับเปิดเผยชีวิตที่แสนจะหดหู่ว่า พื้นเพเป็นคนอำเภอบ้านแพงโดยกำเนิด มีพี่น้องด้วยกัน 3 คน เสียชีวิตไปหนึ่ง เมื่อเติบใหญ่ก็ต่างแยกย้ายไปทางใครทางมัน

Advertisement

ปัญหาเริ่มประดังเข้ามาภายหลังพ่อตายตอนตนอายุ 10 ขวบ ญาติฝ่ายพ่อก็มาขอที่ดินคืน แม่จึงหอบลูกออกจากบ้านที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำของพ่อแม่ โดยมาเช่าบ้านอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบ้านแพง ต่อมาแม่ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานกวาดขยะของเทศบาลฯ วันหนึ่งมีการแข่งขันกีฬาเทศบาลที่อำเภอปลาปาก จ.นครพนม ทางเทศบาลตำบลบ้านแพงจึงจัดนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน เมื่อรถวิ่งมาถึงบ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มีคนปวดฉี่จึงจอดข้างทาง แม่กระโดดลงจากรถวิ่งข้ามถนน โดยไม่ดูว่ามีรถวิ่งสวนมา จึงถูกชนเสียชีวิตคาที่ ขณะนั้นตนอายุได้ 16 ปี หลังจบงานศพแม่ตนก็มาอาศัยอยู่กับนายอาคมเพื่อนรัก ด้วยการรับจ้างทำงานทั่วไป กระทั่งถึงวัยเกณฑ์ทหาร จับได้ใบแดง ทบ.1/2556 ประจำการที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม

หลังผ่านการฝึกเป็นเวลา 3 เดือน ก็ถูกส่งไปอยู่กองร้อยสนับสนุนช่วยรบ (สชก.) อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดยะลา เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน เมื่อปลดประจำการก็กลับบ้านมาพบรักกับแม่ม่ายลูกติดคนหนึ่งชาวอำเภอนาทม จ.นครพนม ตนจึงไปอาศัยอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย และได้ไปทำงานก่อสร้างที่ กทม. 3 เดือน ได้เงินค่าจ้างตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์เมีย จึงเดินทางมาโดยไม่บอกให้เมียรู้ แต่สิ่งที่ตนพบคือเปิดประตูบ้านเข้าไปเห็นเมียพาชายชู้มานอนอยู่ในห้อง จึงเลิกรากันตั้งแต่บัดนั้น

ต่อมามีนายจ้างรับเหมาช่วงมาชวนไปทำงานติดตั้งเสาโทรศัพท์มือถือที่อำเภอชุมพวง ค่าแรงวันละ 350 บาท แต่ทำได้เพียงสองวันก็ไม่มีงานให้ทำต่อ ตนจึงขอเงินค่าจ้างกลับบ้าน นายจ้างไม่มีเงินจ่ายเพราะยังไม่ได้เบิก จึงให้เงินค่ารถมาแค่ 200 บาท แต่มันไม่พอค่าตั๋วรถโดยสาร ตนจึงตัดสินใจเดินเท้ากลับนครพนมดังกล่าว

Advertisement

ด้านนางเกษแก้ว สุวรรณมาโจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านแพงใต้ และ นายจรัส ไชยมนตรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านแพงใต้ เปิดเผยว่าหมู่บ้านทั้งสองนี้ เหมือนบ้านฝาแฝด เพราะมีวัดและป่าช้าเดียวกัน การช่วยเหลือระหว่างสองหมู่บ้านจึงพึ่งพากันและกัน หลังเกิดข่าวทางสื่อโซเซียล มีแต่ทางจังหวัดนครพนมเท่านั้น ที่ติดต่อประสานมา ส่วนหน่วยงานอื่นยังไม่มีการติดต่อแต่อย่างใด ขณะที่ทางเทศบาลตำบลบ้านแพง จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์เป็นอยู่ในช่วงสายของวันนี้ (24 เม.ย.) ซึ่งนายโด่งเป็นคนนิสัยดี ไม่มีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ชีวิตที่ผ่านมาน่าสงสาร ทางด้านนายอาคมเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากเผยว่า เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่น้อยจนใหญ่ ก่อนหน้า 7 วันที่แม่นายโด่งจะถูกรถชนตาย ได้สั่งเสียไว้ว่าเป็นเพื่อนกันอย่าทิ้งกัน ตนจึงเป็นเหมือนเพื่อนตาย และจะดูแลช่วยเหลือเพื่อนเท่าที่พอทำได้

ด้านสื่อโซเซียลหลังทราบข่าว ก็พยายามจะส่งเงินมาช่วยเหลือ แต่นายโด่งยังไม่ได้เปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งผู้ใดต้องการจะบริจาคเงินหรือสิ่งของ สามารถติดต่อเบอร์ 08-9862-6419 (นางเกษแก้ว สุวรรณมาโจ) 08-5450-1686 (นายจรัส ไชยมนตรี) ส่วนผู้ใดจะสอบถามรายละเอียดเรื่องราวชีวิตของนายโด่ง ติดต่อโดยตรงที่เบอร์โทรศัพท์ 09-3270-7944

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image