นำอัฐิ ‘สตรีแห่งขุนเขา’ กลับบ้านเกิดไม่ได้ ตร.อังกฤษท้วงอาจส่งผลต่อรูปคดี

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 24 เมษายน นางอรเกษมศิลป์ จิรวัสวงศ์ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานี และนางเศรษฐินรี เวเนส นายกสมาคมหญิงไทยในสหราชอาณาจักร (TWN4UK) พร้อมคณะเดินทางมาบ้านเลขที่ 74 ม.4 บ.โพน ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เพื่อพบกับนางจูมศรี และนายบัวสา สีกันยา อายุ 72 และ 75 ปี เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจการนำ “อัฐิ” ของนางลำดวน อาร์มิเทจ บุตรสาวจากอังกฤษกลับประเทศไทย หลังจากทางการอังกฤษยืนยันว่า ศพหญิงนิรนามสมญา “สตรีแห่งขุนเขา” พบเมื่อ 15 ปีก่อนคือนางลำดวน  อาร์มิเทจ โดยมีนายพิทักษ์ ศรีทอง ปลัดอำเภอตัวแทนนายอำเภอเพ็ญ นายเรวัติ อุไร ปลัดเทศบาลตำบลบ้านธาตุ นายอรุณ คำใบ กำนัน ต.บ้านธาตุ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางมาร่วมรับฟังและสอบถาม หลังจากนางจูมศรี และนายบัวสา ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อต้องการให้ช่วยนำอัฐิบุตรสาวกลับบ้าน แต่ไม่รู้เนื้อหาในเอกสารที่ลงชื่อไป

นางอรเกษมศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญเรื่องนี้ จึงได้ประสานข้อมูลจากตัวแทนสมาคมฯ ที่สามารถประสานกับทางการอังกฤษ และเข้ามาดำเนินการตั้งแต่แรก จนยืนยันได้ว่าศพหญิงนิรนาม “สตรีแห่งขุนเขา” คือนางลำดวน จริง ต่อมาทางสมาคมเข้ามาช่วยการนำอัฐิกลับ แต่จากปัญหาด้านการสื่อสาร ทั้งในเรื่องของภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และยังมีภาษาถิ่น อีกทั้งสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์ ความห่วงใยของญาติในอังกฤษ การสื่อสารที่ไม่เข้าใจและนำไปสู่การเข้าใจผิด

“วันนี้นายกสมาคมหญิงไทยในสหราชอาณาจักร จึงต้องมาพูดคุยกับสองตายายเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน และเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นมาร่วมรับฟังด้วยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ นำอัฐิของนางลำดวนกลับประเทศไทย ขณะที่ความคืบหน้าคดีความ ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้ทั้งหมด เราได้ทำหนังสือสอบถามไปอังกฤษ ถึงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร จะสามารถนำอัฐิกลับได้ตอนไหน” นางอรเกษมศิลป์ กล่าว

Advertisement

นางเศรษฐินรี กล่าวว่า ทางสมาคมช่วยเหลือเหยื่อมานับพันราย โดยมีความตั้งใจจริงช่วยเหลือเหยื่อ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ตอบแทน ส่วนกรณีของนางลำดวน ได้ประสานกับ กระทรวงยุติธรรมประเทศไทยมาตลอด หลังจากผลการพิสูจน์ยืนยันแล้ว ได้ตั้งเป้าไว้ว่าในวันที่ 19 เมษายน จะเริ่มนำศพลำดวนขึ้นมาเผา แล้วส่งกลับมาไทยในวันที่ 21 เมษายน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยังติดขัดที่กระบวนการยุติธรรมของประเทศต้นทางที่ยังไม่มีการสรุปว่าจะแจ้งข้อหากับใครบ้างหรือไม่

“เบื้องต้นมีผู้บริจาคเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อนำอัฐินางลำดวนกลับบ้านผ่าน 3 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ของสมาคม บัญชีรองประธานสมาคมในประเทศอังกฤษ และบัญชีดีเอสไอภาคประชาชน รวมเป็นเงิน 411,000 บาท โดยยอดเงินบริจาคจะนำเป็นค่าใช้จ่ายนำอัฐิ หากเหลือจะมอบให้ตายาย แต่จากความล่าช้าผู้บริจาคเงินสอบถามมา ประกอบกับปัญหาความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงตัดสินใจจะนำเงินมาเปิดบัญชีร่วมกับตายาย แต่ก็ถูกทักท้วงจากตำรวจอังกฤษว่าจะส่งผลกระทบกับคดี กรณีพ่อแม่ได้ผลประโยชน์จากลูกสาวตาย ต้องรอให้คดีคืบหน้าไปมากกว่านี้ก่อน” นางเศรษฐินรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าศพของนางลำดวนที่ถูกฝังอยู่ พ่อแม่หรือสมาคมจะไปขุดมาหรือไม่นั้น นางเศรษฐินรี กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของสามีและลูกของนางลำดวน ส่วนตัวคิดว่า ถ้าคดีเดินหน้าไปจนถึงการแจ้งข้อหาว่าใครมีส่วนเกี่ยวกับการเสียชีวิต ไม่ต้องรอถึงมีคำพิพากษา จะมีช่องทางการนำศพขึ้นมาได้ สำหรับหนังสื่อที่ตายายลงลายเซ็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นเอกสารเนื้อหาเดียวกัน ที่กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ร่าง

ด้านนางจูมศรี สีกันยาและสามี กล่าวว่า อยากจะได้อัฐิลูกสาวกลับมา เพราะตนเองกับสามีอายุมากแล้ว เพื่อเอามาบำเพ็ญกุศล และบรรจุไว้ในธาตุในวัด ไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาตอนไหน จะอยู่ทันทำบุญอัฐิลูกหรือไม่ อยากให้มีคนมาช่วย จึงเซ็นชื่อในหนังสือไปหลายฉบับ เมื่อได้มาฟังคำชี้แจงจากปากสมาคม และคำยืนยันจากยุติธรรม และมีเจ้าหน้าที่แปลเป็นภาษาถิ่น ทำให้เข้าใจมากขึ้น

ส่วนนายเรวัติ อุไร ปลัดเทศบาลตำบลบ้านธาตุ เปิดเผยว่า นายอำเภอเพ็ญได้กำชับเรื่องนี้มาให้เทศบาลตำบลบ้านธาตุที่อยู่ในพื้นที่ประสานกับอำเภอ ดูแลสองตายายอย่างใกล้ชิด จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เฉพาะลงเยี่ยมบ้าน ติดตามสอบถามเพื่อช่วยเหลือ โดยเฉพาะการประสานกับหน่วยงานรัฐ และเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากการพูดคุยและสอบถามจนพอใจ คณะได้ร่วมถ่ายภาพของสองตายาย โดยนางเศรษฐินรี เวเนส นายกสมาคมหญิงไทยในสหราชอาณาจักร ได้เข้าสวมกอดยายจูมศรี และขอรดน้ำดำหัวสองตายายในโอกาสเทศกาลสงกรานต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image