เสียงจากสวนปาล์ม ส่อง มาตรการรัฐ ช่วยขยับราคา

ปัญหาปาล์มน้ำมันราคาร่วงเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2561 เมื่อสต๊อกน้ำมันปาล์มขึ้นไปถึง 4.5 แสนตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยสต๊อกปกติต้องไม่เกิน 3 แสนตัน ส่งผลให้ปาล์มผลทะลายลดลงต่อเนื่องจากเกิน 3 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 2.00-2.20 บาทต่อกิโลกรัม

วัฏจักรสมดุลของปาล์ม จะมีผลปาล์มทะลายออกสู่ตลาดไม่เกิน 15 ล้านตัน แต่ผลผลิตรอบปี 2561/62 สูงถึง 16.8 ล้านตัน สกัดเป็นน้ำมันดิบได้ประมาณ 2.7 ล้านตัน ในส่วนนี้เข้าช่องทางบริโภคและอุตสาห กรรมในประเทศรวม 2.5 ล้านตัน เหลือประมาณ 2 แสนตัน เป็นสต๊อกเพื่อความมั่นคงทางอาหารในแต่ละปีถือว่ารับได้

แต่ด้วยปัญหาสะสมเมื่อยอดใช้เพื่อการบริโภคและการผลิตในอุตสาหกรรมไม่ได้โตขึ้น หลายประเทศในยุโรปเริ่มไม่ใช้สินค้าที่ใช้น้ำมันปาล์มในการประกอบอาหาร และกระแสกำลังลามไปทั่วโลก ทำให้อนาคต การผลิตเพื่อบริโภคและส่งออกถูกกระทบไปด้วย เมื่อสต๊อกเดิมใช้ลดลง บวกกับสต๊อกใหม่ออกมาเติมพอดี ปัญหาสต๊อกบวมจึงผุดขึ้นอีกครั้ง

ร้อนถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากปาล์มเป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและพืชมีผลต่อทางการเมือง

Advertisement

ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเสนอแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยแนวทางดังกล่าวมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การปรับการเก็บสต๊อกปาล์มน้ำมัน โดยประสานงานกับกระทรวงพลังงาน ให้นำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า ในโรงงานไฟฟ้าที่มีศักยภาพ ส่วนนี้รับไป 1.6 แสนตัน

2.ขยายเวลาส่งออกปาล์มยาวไปอีก 6 เดือน จากที่สิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะไปสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2562

3.ในการผลิตน้ำมันดีเซลจะเพิ่มอัตรา ส่วนปาล์มจาก 6.5% เป็น 7% ให้กระทรวงพลังงานผลักดันให้รถบรรทุกใช้น้ำมันดีเซล บี20 ให้มากขึ้น เป้าหมายให้เกิน 10 ล้านลิตรต่อปี จากปัจจุบันมีการใช้เพียง 4 ล้านลิตร

Advertisement

และ 4.เร่งการเจรจา ส่งออกปาล์มในประเทศ เป้าหมายอย่างสเปนให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน

ทั้งนี้ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน ได้รับช่วงมติ ครม.ไปดำเนินการดูดซับออกจากสต๊อก แม้ในระยะต่อมาปรับแนวทางทำงานให้เร็วขึ้น เช่น ผลักดันโรงไฟฟ้าขนย้ายน้ำมันปาล์มส่วนเกิน 1.6 แสนตัน ออกจากแท็งก์เอกชนไปอยู่ในมือโรงไฟฟ้า มีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นแกนกลาง ให้จบในเดือนเมษายน จากเดิมเดือนกรกฎาคม หรือขอให้ผู้ผลิตน้ำมันพลังงานทดแทนเปิดหัวจ่ายน้ำมันดีเซล บี20 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เป้าหมายให้ถึง 30% ของจำนวนปั๊มทั่วประเทศ โดยจูงใจประชาชนการรณรงค์ให้เติม บี20 ลดราคาต่ำกว่าดีเซลปกติ 3-5 บาท

เมื่อย้อนผลลัพธ์ตั้งแต่มีมติในเดือนพฤศจิกายน 2561 จนถึงวันนี้ ตั้งเป้าไว้เมื่อใช้ 4 ขั้นตอนนั้นแล้ว จะฉุดราคาปาล์มขึ้นได้ถึง 3.10 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากราคาปลายปี 2.60 บาท

ลองฟังเสียงสะท้อนของชาวสวนปาล์มกันบ้าง ราคาปาล์มเป็นไปอย่างที่กระทรวงกำหนดหรือคาดการณ์ไว้หรือไม่

นายสัญญา ปานสวี นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดชุมพร อายุ 62 ปี เปิดเผยว่า สมาคมมีสมาชิกทั้ง 8 อำเภอ ประมาณหมื่นกว่าคน ราคาปาล์มเคยขึ้นสูงสุดกิโลกรัมละ 11 บาท อยู่ 1 เดือน สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เมื่อปี 2554 จากนั้นราคาตกมาโดยตลอด ปัจจุบันราคาหน้าลานปาล์มกิโลละ 1.60 บาท ส่วนหน้าโรงงานกิโลละ 1.80 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่กิโลละ 3.38 บาท ชาวสวนจะอยู่ได้ต้องอยู่ที่ราคากิโลละ 4-5 บาท ในปี 2560 ราคากิโลละ 3 บาท และปี 2561 กิโลละ 2 บาท จนเหลือแค่ 1.60-1.80 บาทในปัจจุบัน เคยมีความพยายามทำราคาแต่ก็ได้ที่กิโลละ 3 บาท เพราะอ้างว่าส่งออกไม่ได้บ้าง

สัญญา ปานสวี

นายสัญญากล่าวว่า การไปใช้ผลิตเป็นน้ำมัน บี20 ขณะนี้มีปั๊มน้ำมัน บี20 ในชุมพรแล้ว 6 ปั๊ม ที่ อ.เมือง อ.ละแม อ.หลังสวน อ.สวี อ.ท่าแซะ และ อ.ปะทิว ส่วนการนำไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงกำลังดำเนินการ หลังเดือนเมษายนนี้คงมีการส่งมอบกันได้จำนวน 160,000 ตัน ตกกิโลละ 3.20 บาท แต่คงไม่มีผลกับชาวสวน เพราะราคาตกลงเรื่อยๆ 

“ชาวสวนสงสัยว่าสิ่งที่รัฐบาลระบุว่าสต๊อกล้นเมื่อนำออกไปแล้ว แต่เหตุใดจึงมีเข้ามาใหม่ การแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันต้องดูสต๊อกของแต่ละโรงงานมีเท่าไหร่ แล้วรายงานให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ เพื่อเปรียบเทียบว่าราคาในตลาดเท่าไหร่ แต่รัฐบาลไม่มีการสำรวจ กลับไปแจ้งสต๊อกที่แท้จริงให้สาธารณชนทราบ ถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลว่าเอาปาล์มน้ำมันไปผลิตไฟฟ้า เอาไปบริโภค เอาไปเป็นพลังงาน และอื่นๆ เท่าไหร่ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรฯ อุตสาหกรรม และพลังงาน ต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ จน ไม่เป็นเอกภาพŽ”

นายสัญญากล่าวว่า รัฐบาลควรตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาบริหารปาล์มน้ำมันเหมือนมาเลเซียที่มีการวิเคราะห์ วิจัย จนนำเมล็ดในมาเป็นสินค้าได้ แต่ไทยกลับใช้แค่เปลือกของปาล์มเท่านั้น รัฐบาลไม่สนใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติไม่มีการกำหนดอัตราส่วนฝ่ายเกษตรกร ฝ่ายอุตสาหกรรม ฝ่ายวิชาการที่เหมาะสม ทำให้วงจรน้ำมันปาล์มล้มเหลวทั้งประเทศ 

“ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลถือเป็นความหวังของเกษตรกรทั้งเรื่องปาล์ม ยางพารา ผลไม้ แต่ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นการ ไม่พัฒนา ล้าหลังกว่าต่างประเทศตลอด ขณะนี้มีชาวสวนปาล์มเริ่มโค่นทิ้งปาล์มน้ำมันแล้วหันไปปลูกทุเรียนที่มีราคาดีกันแล้ว หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปทุเรียนก็จะล้นตลาด ราคาตก เหมือนที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยบอกให้ชาวสวนโค่นกาแฟทิ้งแล้วปลูกปาล์ม ปลูกยางแทน ในที่สุดทั้งปาล์ม ทั้งยางก็ล้นตลาด และราคาตกอยู่แบบนี้”

นายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวว่า แม้ว่ามาตรการของกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์ม แต่ไม่ทำให้ราคาปาล์มปรับเพิ่มขึ้น ราคาอยู่กิโลกรัมละไม่ถึง 2 บาท เนื่องจากรัฐบาลไม่จริงใจแก้ไขปัญหา ตั้งแต่มีมาตรการช่วยเหลือออกมา ปลายปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ราคาปาล์มตกต่ำต่อเนื่อง จาก 2.70-2.80 บาท เหลือ 1.90-2.20 บาท เป็นราคาที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวสวนเป็นอย่างมาก แต่ละนโยบายเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชน ชาวสวนปาล์มได้รับประโยชน์น้อยมาก เช่น การชดเชยราคากิโลละ 3.20 บาท ต้องขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร คุณภาพน้ำมันอยู่ที่ 18% ถึงจะขายได้กิโลละ 3.20 บาท หากต่ำกว่า 18% ราคาอยู่ที่ 1.90-2.00 บาท เท่านั้น

ชโยดม สุวรรณรัตนะ

เช่นเมื่อเกษตรกรนำผลปาล์มขายให้กับโรงงานที่ร่วมโครงการ 3,000 กิโลกรัม จะถูกคัดคุณภาพ 18% เพียง 1,000 กิโลกรัม ที่เหลือได้คุณภาพต่ำกว่า 18% หลังจากนั้นโรงงานสกัดไปเบิกส่วนต่างเต็มจากจำนวนที่รับซื้อจากเกษตรกร และโครงการ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางกลุ่ม จากการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ร่วมโครงการ โดยซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่มีคุณภาพต่ำ มีกรดมาก ราคาต่ำกว่า 18 บาท แต่ใช้งบประมาณรับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท ต้องขนส่งทางเรือเท่านั้น โดยมีเอกชนได้รับประโยชน์หลายร้อยล้านบาท

นายชโยดมกล่าวต่อว่า แนวทางการแก้ปัญหาต้องห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศอย่างเด็ดขาด ส่งเสริมสนับสนุนการใช้น้ำมัน บี20 และ บี100 ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบ 100% ให้แพร่หลาย จะช่วยลดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในสต๊อก

แต่หากปล่อยให้ราคาตกต่ำอย่างนี้ ต่อไป ระบบปาล์มน้ำมันในประเทศไทยจะล่มสลายเหมือนกับกาแฟที่ผ่านมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image