ม.อ.เชิญนักวิชาการค้านโรงไฟฟ้าเทพา มาพูดคุยให้ข้อมูล ภาคปชช.เยือนค่ายกังวลท่าทีทหาร

วันที่ 25 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ นายชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เชิญนักวิชาการ ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ความรู้เชิงวิชาการกับกลุ่มคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา มาร่วมประชุม เพื่อให้ข้อมูลทางวิชาการ รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ภายหลังมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี ขอความร่วมมือให้ทำความเข้าใจกับบุคลากรที่เข้ามาเคลื่อนไหวและต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา โดยมีนักวิชาการทั้งจากวิทยาเขตหาดใหญ่และวิทยาเขตปัตตานี ที่ให้ความสนใจในด้านพลังงาน และเดินทางไปทัศนศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศญี่ปุ่นกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก่อนหน้านี้เข้าร่วม แต่พบว่านายสมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นนักวิชาการที่เข้าให้ข้อมูลกับกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพามาอย่างต่อเนื่อง กลับไม่ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เนื่องจากติดภารกิจที่ถูกำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

นายชูศักดิ์กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการรับฟังข้อมูลจากนักวิชาการเท่านั้น และยืนยันนักวิชาการยังสามารถแสดงความเห็นทางวิชาการได้อย่างอิสระ เพราะไม่ได้เป็นความเห็นในนามมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเองก็ยืนยันถึงความเป็นกลางต่อโครงการนี้ หรือโครงการอื่นๆ แต่พร้อมที่จะให้ข้อมูลทางวิชาการ

จากนั้นเมื่อเวลา 10.30 น.วันเดียวกัน ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนทั้งเครือข่ายพลเมืองสงขลา เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และอีกหลายเครือข่าย ทยอยเดินทางมายังมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ พร้อมแผ่นป้ายผ้าและธงสัญลักษณ์สีเขียว เพื่อมาทวงถามถึงจุดยืน รวมถึงคำชี้แจงกรณี พล.ต.วิรัชช์ กมลศิลป์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ได้ลงนามในหนังสือ ที่ส่งถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อันมีเนื้อหาใจความสำคัญ คือ “การขอความร่วมมือในการทำความเข้าใจกับบุคลากรที่เคลื่อนไหวและต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” เมื่อ 21 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งท่าทีดังกล่าวนั้นสร้างความกังวลใจให้กับเครือข่ายภาคประชาชนอย่างมาก โดยพล.ต.วิรัชช์ได้มอบหมายให้ พ.อ.วรพล วรพันธ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 เป็นตัวแทน พบปะกับเครือข่ายภาคประชาชนทั้งหมด โดยมีบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อกันและเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคประชาชนได้นำเสนอปัญหา ข้อกังวล ที่เกิดขึ้นจากหนังสือดังกล่าวได้อย่างเสรี

พ.อ.วรพลได้กล่าวว่า ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ได้มอบหมายให้มาพบปะและขอโทษ ต่อเครือข่ายภาคประชาชน แทนด้วย หากหนังสือฉบับดังกล่าวอาจจะสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไป โดยในส่วนของทหารนั้นไม่ได้มีบทบาทที่จะไปชี้นำว่าจะสร้างหรือไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือ โรงไฟฟ้าถ่านหินดีหรือไม่ดี เพราะทหารก็คือประชาชนคนหนึ่งที่เข้ามาทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ส่วนนักวิชาการนั้นมองว่า ควรจะทำหน้าที่ในการศึกษาวิจัยถึงพลังงานทดแทน ทำอย่างไรให้มีพลังงานอย่างเพียงพอ โดยไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นมากนัก เพราะต้องยอมรับการที่เราจะไม่มีโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ก็จะต้องไม่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตในลักษณะก้าวกระโดดอย่างเช่นทุกวันนี้

Advertisement

ด้านนายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายทหาร โดยเฉพาะการส่งหนังสือถึงอธิการบดี ม.อ.นั้นเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะสถาบันการศึกษามีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลทางวิชาการ และอยากให้มีการเพิกถอนหนังสือฉบับดังกล่าวและมีการแสดงการขอโทษเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่อยากจะทราบว่าท่าทีของ ผบ.มทบ.42 กับท่าทีของกองทัพบกนั้น เป็นท่าทีเดียวกันหรือไม่ เพราะหากเป็นการแสดงเช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าไม่มีความเป็นกลาง ก็เป็นเรื่องที่ผิดพลาด เพราะอำเภอเทพานั้นเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาความไม่สงบ ท่าทีเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อฝ่ายทหารของประชาชน

ขณะที่ นายเอกภพ สุทธิสว่าง เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวว่า ตนเองถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ข่มขู่คุกคามจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่อำเภอเทพา มาตลอด โดยได้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาพบที่บ้าน ห้ามเข้าไปมีบทบาทในการเคลื่อนไหว ให้ข้อมูลกับชาวบ้าน และหากไม่เชื่อก็จะต้องถูกเชิญตัวมาปรับทัศนคติในค่ายทหาร นอกจากนั้นยังมีการ สกัดกั้นไม่ให้ชาวบ้านมาร่วมกิจกรรม ในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ที่สำคัญขอให้ทหาร แสดงออกถึงความเป็นกลางในโครงการนี้ เพื่อลดความกดดันของชาวบ้านที่คัดค้านโครงการนี้

ด้านนายดิเรก เหมนคร แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า หนังสือดังกล่าวนั้นสร้างความเสียใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก เหมือนจะเป็นการปิดกั้นไม่ให้นายสมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มาให้ข้อมูลให้ความรู้จากชาวบ้าน ทั้งนี้ นายสมพรไม่เคยมายุอะไรเลย เพียงแต่ให้ข้อมูลกับชาวบ้านและยังแนะนำพลังงานทางเลือกอย่างโซลาร์เซลล์ให้กับชาวบ้านอีกด้วย เมื่อมีหนังสือดังกล่าวทำให้ชาวบ้านรู้สึกถูกกดดันอย่างมาก ขาดที่พึ่ง ถ้าทหารแสดงออกในการอยู่ข้างโรงไฟฟ้าเช่นนี้ จะมีชาวบ้านคนใดที่จะกล้าแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อีก และจะยิ่งกลายเป็นเงื่อนไขสร้างความแตกแยกเสียเอง หลังเกิดโครงการนี้ขึ้นมาทำให้ในพื้นที่มีเหตุไม่สงบเกิดเพิ่มขึ้น แม้หลายฝ่ายจะบอกว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกันก็ตาม แต่ประเด็นหนึ่งคือโครงการนี้สร้างความแตกแยกขึ้นในพื้นที่ ทำให้เทพากลายเป็นเมืองอันตราย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image