คืบหน้าหนุ่มฆ่าตัวตาย เขียน จม.ถึงบิ๊กตู่ แม่ภรรยาวอน ตร.ตามรถคืน-ญาติรอรับศพกลับหาดใหญ่

สืบเนื่องกรณี เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กู้ภัย รถน.เขต และแพทย์เวร ได้เข้าตรวจสอบอาคารแห่งหนึ่ง

พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย คาดว่าเสียชีวิตมาไม่น้อยกว่า 3 วัน ตรวจสอบในห้องพบสมุดเขียนจดหมายลาตาย 2 ฉบับ หน้าละ 1 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 มีข้อความถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า “กราบถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ข้าพเจ้า นายไพวัลย์ แซ่ลี้ ได้นำรถกระบะมาสด้า บีที 50 โปร ทะเบียน 6723 ร้อยเอ็ด สีบรอนซ์เทา ไปจำนำไว้ตั้งแต่ 15 มกราคม 2561 วันที่ 23 มกราคม 2561 ข้าพเจ้าได้ติดต่อคนที่รับจำนำ แต่ไม่สามารถติดต่อไถ่ถอนคืนกลับมาได้ ข้าพเจ้าเลยเข้าแจ้งความดำเนินคดีแก่คนรับจำนำ กับ พ.ต.ท.ประทวน แมลงทับ สน.โชคชัย และ พ.ต.ท.ได้เรียกเงิน 3,000 กับค่าสืบอีก 2,000 บาท ข้าพเจ้าก็จ่ายไป บัดนี้ผ่านมา 7 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่จะจับกุมผู้กระทำความผิด และติดตามรถกลับมาได้เลย ข้าพเจ้าขอความเป็นธรรมจากท่านนายกฯ ผู้ที่รักษาซึ่งกฎหมาย และความยุติธรรม ขอให้ท่านติดตามความคืบหน้า เร่งรัดคดีให้ด้วย-ไพวัลย์ แซ่ลี้”

ส่วนฉบับที่ 2 มีข้อความสั่งเสียถึงกู้ภัยว่า “ข้าพเจ้า นายไพวัลย์ แซ่ลี้ ได้กระทำการฆ่าตัวตายด้วยตนเอง ข้าพเจ้าไม่มีญาติ ไม่มีบ้าน ข้าพเจ้ามีแต่ความล้มเหลว และผิดหวัง ขอความกรุณาเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเผาศพให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเงินจำนวนนี้ + โทรศัพท์ 2 เครื่อง และของในห้องทุกๆ อย่างขอมอบให้แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ช่วยเผาศพของข้าพเจ้า – ไพวัลย์ แซ่ลี้”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบนางสนอง เดชะ อายุ 54 ปี แม่ยายของผู้ตาย และนางสาวปณิดา เดชะ อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้ตาย ที่นำลูกชายและลูกสาว 2 คน กลับมาเข้าโรงเรียนที่ ต.ป่าสังข์ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด

Advertisement

นางสนองกล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากคนโทรมาบอก และเปิดเผยว่าผู้ตายคือนายไพวัลย์ แซ่ลี้ อายุ 42 ปี ชาว ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นลูกเขย ที่มีกิจการขายโทรศัพท์มือมือออนไลน์กับลูกสาว มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย คนรองเป็นผู้หญิง และเมื่อ 4 ปีก่อนได้กลับมาบ้านเพื่อทำเรื่องซื้อรถที่จังหวัดร้อยเอ็ด นำรถไปใช้ส่งของที่ กทม. แต่ซื้อไม่ได้ เนื่องจากภูมิลำเนาไม่ได้ย้ายมาที่ร้อยเอ็ด และจะยุ่งยากหลายเรื่อง ตนจึงใช้ชื่อตนเองทำการเช่าซื้อรถกระบะ มาสด้า บีที 50 โปร สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 6723 ร้อยเอ็ด ด้วยการทำไฟแนนซ์กับธนาคารธนชาติ แบบผ่อนชำระงวด 84 งวด (7 ปี) งวดละ 10,423 บาท ในราคารวม 1,025,532 บาท แล้วนำรถไปใช้ที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ไม่มีปัญหา โดยลูกเขยและลูกสาวก็สามารถหาเงินหมุนเวียนส่งงวดรถได้โดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 4 ปี

“จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ลูกเขยและลูกสาวแจ้งว่าจะนำรถคันดังกล่าวไปจำนำชั่วคราว เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อนำเงินมาซื้อสินค้าขยายกิจการจำหน่ายโทรศัพท์ออนไลน์ แล้วจะรีบไถ่รถคืน ได้ประสานกับนายชัยยุทธิ์ ตั้งศักดิ์สุพรรณ ให้เป็นคนกลาง ที่รู้จักกับผู้รับจำนำรถ จนได้นำรถไปจำนำกับนายวีระวัฒน์ ศรีโปฏก ซึ่งรับจำนำรถแถวลาดพร้าว จำนวน 140,000 บาท แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นลูกเขยถูกหวยออนไลน์ ได้เงินมาจำนวนเกือบ 200,000 บาท และเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2561 ได้ติดต่อกับนายชัยยุทธิ์ ตั้งศักดิ์สุพรรณ ให้เป็นคนกลาง ที่รู้จักกับผู้รับจำนำรถว่าตนจะขอไถ่รถคืน แต่นายชัยยุทธิ์ ตั้งศักดิ์สุพรรณ บอกว่าติดต่อคนที่จำนำรถ คือนายวีระวัฒน์ ศรีโปฏก ซึ่งรับจำนำรถแถวลาดพร้าวไม่ได้ และผัดผ่อนไปเรื่อยๆ อ้างว่าติดต่อไม่ได้ รอจนกระทั่งวันที่ 3 ก.พ.2561 ก็ยังไม่สามารถติดต่อรับรถคืนได้ และระยะหลังๆ นายชัยยุทธิ์กลับปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าแค่แนะนำให้ ไม่รู้จักกับคนรับจำนำรถมาก่อน ตนเห็นท่าไม่ดี จึงเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประทวน แมลงทับ สารวัตรสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อติดตามหารถยนต์คืน โดยแจ้งว่า พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความได้ขอค่าดำเนินการในการติดตามรถคืนจำนวน 5,000 บาท ก็จ่ายเงินให้ไป แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ให้ จนเป็นเหตุให้เกิดความเครียดหนัก

Advertisement

“จนเมื่อ 7 เดือนก่อน ก็พาเมียและลูกกลับมาฝากไว้ที่บ้าน เพื่อจะได้ออกติดตามรถ และให้ลูก 2 คนได้เข้าโรงเรียนในหมู่บ้าน โดยสั่งว่าให้ช่วยดูแลทุกคนให้ดี แล้วก็กลับไป จากนั้นโทรมาครั้งสุดท้าย เปรยในลักษณะย้ำว่าเครียดเพราะตามรถไม่เจอ ไม่ต้องห่วง ขอให้ดูแลทุกคนให้ด้วย พูดลักษณะคล้ายจะสิ้นหวังอาจตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งตนคิดว่าจะพูดเล่นก็ไม่ได้สนใจ จากนั้นก็เงียบไป จนกระทั่งได้ข่าวว่าฆ่าตัวตาย ซึ่งตนก็เสียใจมาก และลูกสาวเองก็ช็อก ทำใจไม่ได้ ซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านกับลูกๆ ไม่ยอมพบกับใคร ซึ่งตนก็เป็นห่วงมาก

“หลังจากตนทราบว่าลูกเขยแจ้งความ ตนก็พะวง เพราะเป็นชื่อของตนเองซื้อรถ ได้โทรหาพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เจ้าของคดีตลอด ซึ่งแรกๆ ก็รับสายว่ากำลังตามให้ และเมื่อโทรบ่อยๆ เข้าก็ไม่ค่อยยอมรับ และหากรับก็อ้างต่างๆ นานาว่าไม่ว่างบ้าง อ้างว่าไม่สะดวกคุย และบางทีก็อ้างว่าขับรถอยู่บ้าง จนกระทั่งมีการพูดแบบไม่พอใจว่า แล้วจะให้ตำรวจทำอย่างไร ซึ่งตนก็งง เพราะเงินก็เรียกไปเป็นค่าดำเนินการ 5,000 บาท เพื่อติดตามรถ แต่กลับไม่ช่วย และพูดแบบนี้ จนทำให้ลูกเขยฆ่าตัวตาย และเขียนจดหมายประจานแบบนี้ แล้วก็ไม่ทราบว่าใครจะรับผิดชอบ ใครจะช่วยครอบครัวของตนได้ เพราะตอนนี้พวกตนมีความทุกข์มาก” นางสนองกล่าว

นางสนองกล่าวว่า พอมีปัญหา ลูกเขยออกตามหารถ ขาดสมาธิและกำลังใจที่จะขายของ ทำให้ไม่มีรายได้ ค่างวดรถเลยกลางเป็นภาระ แถมรถก็โดนเชิด ตนต้องหาเงินจ่ายงวดรถด้วยการไปกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. มาจ่ายงวดรถเดือนละ 10,423 บาท ด้วยการเข็นรถเข็นไปเร่ขายจอบ-เสียม หาเงินจ่ายงวดรถจนป่วยเป็นข้อเข่าอักเสบ ต้องเลิกขาย ซึ่งตอนนี้จึงต้องกู้เงิน ธ.ก.ส.มาจ่ายค่างวดรถอย่างเดียว ซึ่งต้องจ่ายอีก 36 งวด ยังไงก็ต้องดิ้นรนหาเงินจ่ายให้หมด เพราะไม่อยากโดนฟ้อง และสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคืออยากให้ ตร.ช่วยติดตามรถกลับมาให้ อย่างน้อยก็จะได้มีกำลังใจ หรือใช้รถเพื่อไปขายจอบ-เสียม พอให้มีรายได้ผ่อนใช้งวดรถ และใช้หนี้ ธ.ก.ส.ต่อไปได้อีกด้วย

สำหรับศพของลูกเขยนั้น นางสนองกล่าวว่า ล่าสุดทางญาติที่หาดใหญ่ได้แจ้งว่ามารอรับศพเพื่อจะนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่หาดใหญ่บ้านเกิดต่อไปแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image