“ระยอง”จัดเสวนา “กัญชา พืชสมุนไพรทางเลือก”ศึกษาแนวทางปฏิบัติก่อนสิ้นสุดเวลาขอสิทธิครอบครอง-นิรโทษฯ

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ที่ห้องสุนทรภู่ โรงแรมสตาร์คอนเวนชั่น ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง น.พ.วีระศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดงานเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “กัญชา…พืชสมุนไพรทางเลือก” โดยมีนายวัฒนา พวงสวัสดิ์ ประธานสภากัญชา จังหวัดระยอง และสภากัญชาอำเภอต่างๆ ผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.พงษ์ศักดิ์ อวัยวานนท์ อดีตเลขาธิการสภาแพทย์แผนไทย นายนิเวศ พิพัฒนติกานันท์ เลขานุการฝ่ายปรุงยาและพัฒนาตำรับยา มาบรรยาย และผู้สนใจเข้าร่วมเสวนา

นายวัฒนา กล่าวว่า วัตถุประสงค์การจัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง“กัญชา พืชสมุนไพรทางเลือก” เพื่อเปิดตัวให้ประชาชนในจังหวัดระยองรับทราบการจัดตั้งสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดระยอง ภายใต้โครงสร้างการบริหารของสภากัญชาแห่งประเทศไทย ในการขับเคลื่อนการเรียนรู้เพาะปลูก แปรรูปสมุนไพร เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์และเชิงพาณิชย์ภาคประชาชนร่วมวิสาหกิจชุมชนที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เกิดการร่วมมือในการศึกษาหาข้อมูลใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ก่อให้เกิดการปลูกและครอบครองตามกฏหมาย เพื่อนำไปสู่การร่วมมือกับหน่วยงานทางการแพทย์ ร่วมกันจัดตั้งสภากัญชาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด สภากัญชาอำเภอ สภากัญชาตำบลและสภากัญชาหมู่บ้าน โดยรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ร่วมกันก่อตั้งเครือข่ายผู้ป่วยผู้ใช้ผู้ผลิตจากใต้ดินขึ้นเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและสุดท้ายเพื่อให้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและรวดเร็ว หลังการเสวนาผู้เข้าร่วมเสวนาครั้งนี้มีความรู้ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการขอสิทธิ์การครอบครอง ขอนิรโทษกรรมก่อนวันที่ 21 พฤษภาคมนี้

น.พ.วีระศักดิ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า การดำเนินการเรื่องกัญชาในระยะนี้ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ประเด็นเรื่องกัญชาตนจะเก็บข้อมูลและเรียบเรียงข้อมูล วันนี้เป็นโอกาสที่มีผู้ให้ความสนใจจัดเสวนาเรื่องกัญชา หลังจากเสวนามีการเรียบเรียงประเด็นข้อเท็จจริงต่างๆนำมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาดำเนินการหลังพ.ร.บ.นิรโทษกรรมวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ แต่วันนี้เป็นการสร้างการรับรู้ว่า ถ้าใครมีไว้ในครอบครองก็ให้รีบมาแจ้งเจ้าหน้าที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ส่วนประเด็นทั้งหมดต้องนำเรื่องเสนอขึ้นไปในชั้นของผู้ที่ใช้ดุลพินิจทางนโยบาย ซึ่กระทรวงสาธารณสุข ต้องเก็บข้อมูลมีการประชุมเพื่อหาทางออก แต่ทั้งหมดคงต้องอยู่ในนโยบายของภาครัฐกำหนด

“ที่มีการต่อต้านจะมีประเด็นเรื่องความซับซ้อน เนื่องจากกัญชาเดิมเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งแต่ในเมื่อทั่วโลกเห็นประเด็นที่เป็นคุณค่าและยอมรับที่จะเป็นทางเลือก เราก็คงใช้ไปในทางที่สร้างสรรค์ได้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image