เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นางนุชรี ราชแสง อายุ 53 ปี เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ต้องเร่งระดมคนงานทั้งชายหญิง กว่า 10 คน ทำการตัดผลปาล์มน้ำมันที่สุกร่วงหล่นคาต้น จากการที่หยุดตัดผลผลิตมานานกว่า 1 เดือน หวังชะลอเพื่อรอให้ราคาปาล์มดีขึ้นที่กิโลกรัมละ 3 บาท หวังให้พอคืนทุน และไม่ขาดทุนมากนัก แต่สุดท้ายราคาก็ยังไม่ดีขึ้น จึงต้องตัดขายทิ้งในราคา กก.ละ 1.80 บาทเหมือนเดิม ทำให้ขาดทุนยับเยิน
นายหย่าโกบ ลังกาบำ อายุ 40 ปี หัวหน้าทีมรับจ้างตัดปาล์มน้ำมัน ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กล่าวว่า ตนเองและทีมงานกว่า 10 คน รับจ้างตัดคิดตันละ 450-500 บาท ราคาปาล์มขึ้นหรือลงจะไม่กระทบกับพวกตนที่รับจ้างตัดผลผลิตปาล์ม แต่สงสารเจ้าของสวนมากกว่าที่ขาดทุน เพราะขายได้เงินไม่คุ้มทุน ทั้งค่าการเตรียมดิน ค่าปุ๋ย ค่าตัดหญ้า ค่าคนงานตัดปาล์ม ค่าขนส่ง ทำให้เจ้าของสวนปาล์มเดือดร้อนหนักอยู่ขณะนี้ หลายรายปล่อยผลผลิตทิ้งให้ร่วงหล่นคาต้น เพราะไม่คุ้มค่าตัดและค่าขนส่ง
ขณะที่นางนุชรีกล่าวว่า ตนเองปล่อยทิ้งผลผลิตไว้มานานกว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อรอมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่จะทำให้ราคาปาล์มดีขึ้น หวังจะได้ขายในราคากิโลกรัมละ 3 บาท และสุดท้ายแล้วกำลังรอโครงการรับซื้อปาล์ม 200,000 ตันของรัฐบาล เพื่อส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำไปป้อนโรงไฟฟ้าบางปะกง ที่เดิมคาดการณ์ว่าจะเริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในราคากิโลกรัมละ 3 บาท แต่ล่าสุดได้โทรศัพท์แจ้งจากโรงงานรับซื้อปาล์มว่าให้ตัดปาล์มขายไปก่อน
“ไม่มั่นใจว่าในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้จะสามารถรับซื้อผลผลิตในโครงการ 200,000 ตันดังกล่าวได้หรือไม่ ขณะที่ผลปาล์มสุกร่วงหล่นกระจัดกระจายทุกต้น ทำให้ครอบครัวต้องเร่งระดมคนงานตัดผลปาล์มขายทิ้ง ราคา กก.ละ 1.80 บาท โดยทั้ง 50 ไร่นี้ คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 13 ตัน คิดเป็นเงินได้เพียง 23,400 บาทเท่านั้น ซึ่งหากได้ราคากิโลกรัมละ 3 บาท จะได้เงินประมาณ 39,000 บาท แต่จุดคุ้มทุนที่ทางราชการกำหนดจะต้องขายปาล์มได้ในราคากิโลกรัมละ 3.40 บาท จึงทำให้เจ้าของสวนปาล์มทุกรายเดือดร้อนหนักอยู่ในขณะนี้ ไม่มีเงินซื้อปุ๋ย ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว” นางนุชรีกล่าว
