เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 1 ต.สินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ว่าเกิดเหตุสุนัขกัดหญิงสาวรายหนึ่ง เจ้าตัวเข้ารับการรักษาก่อนจะถูกตัดขาทั้ง 2 ข้าง กลายเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนางสุภาวดี แก้วกำยาน อายุ 42 ปี แม่ค้าขายไก่ทอด ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นแม่ของหญิงสาวคนดังกล่าว ทราบว่าลูกสาวคือ น.ส.ภัทรธวดี นิลอุปถัมภ์ อายุ 24 ปี ถูกสุนัขกัดจริง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้ลูกสาวกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยหมอที่ทำการรักษาต้องตัดขาของ น.ส.ภัทรธวดีทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากมีอาการติดเชื้อ
นางสุภาวดีเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุ ลูกสาวพร้อมด้วยเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันต่อเติมศาลาหน้าบ้าน เพื่อใช้เป็นร้านขายไก่ทอด โดยระหว่างนั้น ลูกสาวเดินไปเอากระบะผสมปูนจากบ้านของเพื่อนบ้าน อยู่ห่างไปจากหน้าบ้านประมาณ 50 เมตร ขณะกำลังเอากระบะออกมาก็ถูกสุนัขเพศเมีย ชื่อข้าวใหม่ ซึ่งเป็นสุนัขแม่ลูกอ่อนที่เพื่อนบ้านเลี้ยงไว้กัดเข้าที่น่องด้านขวา 1 ครั้ง เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์รวมถึงเจ้าของสุนัขจึงช่วยกันพาลูกสาวของตนออกมาจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งทีแรกก็ไม่คิดว่าจะมีอาการรุนแรงอะไร กระทั่งผ่านไป 5 นาที ลูกสาวก็เกิดอาการทรุดตัวลง แข้งขาไร้เรี่ยวแรง ตนและเพื่อนบ้านจึงช่วยกันนำตัวไปส่ง รพ.เขาพนม จนท.พยาบาลตรวจอาการน้องในเบื้องต้นโดยไม่มีหมอตรวจอาการอยู่ พยาบาลแจ้งให้ตนทราบว่าน้องต้องเอกซเรย์ แต่พบประวัติน้องฝากครรภ์ไว้กับ รพ.สต.บ้านห้วยสาร เกรงว่าหากเอกซเรย์อาจจะส่งผลต่อลูกในท้อง ตนจึงต้องตัดสินใจว่าไม่อยากให้เอกซเรย์ เพราะกลัวกระทบกับเด็กในท้อง จากนั้นพยาบาลก็ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ลูกสาวไป 1 เข็ม แล้วให้กลับบ้านได้ แต่ลูกสาวก็ยังเดินไม่ได้
นางสุภาวดีกล่าวต่อว่า กระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 8 พ.ค. ขาของลูกสาวมีสภาพเขียวคล้ำทั้ง 2 ข้าง ปัสสาวะเป็นเลือด จึงรีบพาไป รพ.เขาพนม อีกครั้ง หมอที่ตรวจอาการแจ้งว่าต้องส่งไปเอกซเรย์ที่ รพ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตนก็พาไปที่ รพ.ทุ่งใหญ่ พอตรวจเอกซเรย์แล้ว หมอที่ รพ.แจ้งว่าเส้นเลือดที่ขาของน้องตีบ ต้องส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ตนก็พาลูกไปต่ออีก รพ.ทุ่งสง แจ้งว่าอาการของน้องไม่ดี อาจจะต้องถูกตัดขาทิ้ง โดยจะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ม.อ.หาดใหญ่ ตนก็พาลูกไปต่อที่ รพ.ม.อ.ในวันเดียวกัน เมื่อไปถึงทางหมอที่ รพ.ม.อ.แจ้งว่าต้องตัดขาลูกทันที เพราะหากช้าอาจจะเสียชีวิตได้ ตนตกใจมาก แต่ก็ยอมให้ตัด โดยเข้าผ่าตัดในคืนวันที่ 8 พ.ค.
นางสุภาวดีกล่าวว่า จากที่สอบถามหมอที่ รพ.ม.อ.ทราบว่าหากลูกสาวได้รับการรักษาหลังเกิดเหตุไม่เกิน 4 ชม. น่าจะรักษาได้ทัน จากนั้นทาง รพ.ก็ตรวจหาเชื้อพบว่าลูกสาวมีเชื้อมะเร็ง ก่อนนี้ที่เข้าใจว่าตั้งครรภ์นั้นปรากฏว่าไม่ใช่การตั้งครรภ์ แต่เป็นก้อนเนื้อ ส่วนสาเหตุของการตัดขานั้นทางหมอของ รพ.ยังไม่ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะเชื้ออะไร มีผลมาจากการถูกสุนัขกัดหรือไม่ ตนเองก็ยังไม่เข้าใจ แต่ที่ยอมให้ตัดเพราะต้องการรักษาชีวิตลูกสาวไว้ กระทั่งเมื่อเช้าวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง รพ.แจ้งให้ทราบว่าแผลที่ขายังมีอาการติดเชื้อ ต้องตัดขาบริเวณเหนือเข่าขึ้นไปอีก จึงเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ตอนนี้น้องยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ม.อ.หาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยตรวจสอบเรื่องการรักษาน้องให้ด้วยว่าเป็นการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นหรือไม่
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าของสุนัข อยู่ใกล้กับบ้านของนางสุภาวดี พบกับนางประทุม คำแหง อายุ 38 ปี เจ้าของสุนัข ยอมรับว่า วันเกิดเหตุสุนัขของตนไปกัด น.ส.ภัทรธวดีจริง โดยสุนัขตัวดังกล่าวเคยกัดเพื่อนบ้านมาแล้ว 2 ครั้ง ยอมรับว่าสุนัขไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าไว้ เพราะที่บ้านตนเองก็มีฐานะยากจน อย่างไรก็ตาม ตนกับสามียืนยันว่าจะช่วยเหลือน้องอย่างเต็มกำลังความสามารถ ก่อนนี้ก็พยายามหยิบยืมเงินจากเพื่อนๆ มาช่วยเหลือค่ารักษาน้องไว้ก่อนแล้วกว่า 3 พันบาท แต่ก็จะพยายามหาเงินมาเพิ่มอีก เพราะที่ผ่านมาตัวของ น.ส.ภัทรธวดีก็รู้จักกันดีกับตน พอทราบข่าวว่าน้องถูกตัดขารู้สึกตกใจมาก ส่วนจะเป็นผลมาจากสุนัขกัดหรือไม่นั้นตนเองก็ไม่มั่นใจ เพราะทราบจากญาติของน้องว่าน้องน่าจะมีอาการติดเชื้อ ตนกับสามีซึ่งทำงานรับจ้างก่อสร้างจะพยายามหาเงินเพื่อไปเยี่ยมน้องที่ รพ.ในวันสองวันนี้ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสุนัขของตนไปตรวจด้วย เพื่อดูว่ามีเชื้ออะไรที่ส่งผลต่ออาการของน้องหรือไม่ ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง
สำหรับสุนัขตัวที่กัด น.ส.ภัทรธวดี เป็นสุนัขเพศเมีย พบว่าเพิ่งคลอดลูกออกมา 1 ครอก ซึ่งก่อนนี้ น.ส.ภัทรธวดีก็เคยเอาข้าว เอาน้ำ มาให้กินอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุที่สุนัขกัดเนื่องจากการหวงลูก ประกอบกับพฤติกรรมที่เคยกัดคนมาแล้วหลายครั้ง
