เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีการเคลื่อนไหวต่อต้านไม่เอาเหมืองแร่ของชาวเพชรบูรณ์ ภายหลังบริษัทภาคเอกชนสำรวจแร่ซึ่งเป็นกลุ่มทุนข้ามชาติแจ้งขอถอนอาชญาบัตรการสำรวจแร่ในเขต อ.หนองไผ่ และ อ.ชนแดน ซึ่งจะกำลังจะหมดอายุในเดือนมกราคมปี 2563 ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการที่ชาวเพชรบูรณ์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครอง กรณีกลุ่มทุนเหล่านี้ได้รับอนุญาตการเข้าสำรวจแร่ในเขตพื้นที่จากกรมป่าไม้ โดยอ้างว่าเพื่อการศึกษาวิจัย แต่กลับไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาองค์กรส่วนท้องถิ่น และการถือหุ้นของบริษัทไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต้องมีคนไทยถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 50 ทำให้กลุ่มธุรกิจภาคเอกชนหาทางออกด้วยการใช้เทคนิคในข้อกฎหมาย โดยการยกเลิกหรือขอถอนอาชญาบัตรเก่าและยื่นขออาชญาบัตรสำรวจแร่ใหม่ ทำให้ชาวเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่และพันธมิตรเครือข่าย เริ่มออกมาเคลื่อนไหวเดินหน้าคัดค้านกันเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมีการกำหมดมาตรการในการเรียกร้องและคัดค้านไม่เอาเหมืองแร่ในครั้งนี้กันอย่างเข้มข้น ตั้งแต่การจัดทีมงานลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ที่บริษัทเอกชนกำลังยื่นขออนุญาตอาชญาบัตรสำรวจแร่ใหม่ในพื้นที่ อ.หนองไผ่ ได้แก่ ต.หนองไผ่ ต.ยางงาม ต.นาเฉลียง และพื้นที่ อ.ชนแดน ได้แก่ ต.ซับพุทธา
นอกจากนี้ ยังมีการล่ารายชื่อประชาชนชาวเพชรบูรณ์ที่แสดงความเห็นการคัดค้านไม่เอาเหมืองแร่ โดยให้เหตุผลว่า เมื่อชาวเพชรบูรณ์ไม่ต้องการให้ผุดเหมืองแร่ ก็ไม่จำเป็นต้องให้มีการสำรวจแร่เช่นกัน เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนนำรายชื่อของกลุ่มคนคัดค้านเหล่านี้ยื่นต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป
ขณะเดียวกันทางทีมงานยังมีการประชุมและทำความเข้าใจกับทางสภาองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้มีจุดยืนเหมือนเดิม โดยให้มีมติไม่ให้ความเห็นชอบการสำรวจแร่ในเขตพื้นที่ป่าให้เห็นแก่ประโยชน์สุข และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ
ล่าสุด การลงพื้นที่เพื่อรณรงค์ต่อต้านไม่เอาเหมืองแร่ โดยกลุ่มคนเพชรบูรณ์และเครือข่ายพันธมิตร นำโดยนายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ และบรรดาเหล่าผู้นำและประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเครือข่ายโลกสีเขียวเพชรบูรณ์ นำโดยนายสมศักดิ์ คงวิเศษ และนายสุพล พูนพิพัฒน์ เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยมีการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยเฉพาะมีการจัดตั้งป้ายคัตเอาต์แสดงการคัดค้านขนาดใหญ่
