ไฟไหม้เรือขนสินค้า ท่าเรือแหลมฉบัง พบสารเคมี ‘แคลเซียม ไฮโปคลอไรท์’ ทำเคืองตา-แสบผิว

ไฟไหม้เรือขนสินค้า ท่าเรือแหลมฉบัง พบสารเคมี ‘แคลเซียม ไฮโปคลอไรท์’ ทำแสบตา-ระคายเคืองผิว พบผู้ป่วยรักษาตัวเพียบ

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 26 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมศูนย์สวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรือโท ยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ตัวแทนผู้ประกอบการเรือ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ตู้คอนเทรนเนอร์ เรือ KMTC HONGKONG สัญชาติเกาหลี ที่ท่าเทียบเรือ A2 ของ บริษัท ไทยแหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ทำให้ตู้สินค้าได้รับความเสียหายทั้งหมด 35 ตู้ นอกจากนี้ยังได้มีสารเคมีกระจายไปในอากาศ ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากอาการเคืองตา และปวดแสบปวดร้อนตามผิวหนัง และได้รับการรักษาพยาบาลแล้ว ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และทุกคนปลอดภัยแล้ว

เรือโท ยุทธนา กล่าวสรุปเหตุการณ์การเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นประมาณ 06.30 น.วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นทุกฝ่ายได้ระดมกำลังดับเพลิง พร้อมทั้งใช้โฟมดับไฟ ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. จนกระทั่งเวลา 00.20 น.วันที่ 26 พฤษภาคมจึงได้ควบคุมเพลิงไว้ได้ทั้งหมด หลังจากเกิดเหตุทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีได้เดินทางมาพบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว สรุปผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้คือ โรงพยาบาลแหลมฉบัง 35 ราย พักรักษาตัว 10 ราย โรงพยาบาลวิภาราม 59 ราย พักรักษาตัว 2 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 51 ราย กลับบ้านหมด โรงพยาบาลพญาไท 15 ราย นอนพักรักษาตัว 6 ราย โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา 5 ราย นอกพักรักษาตัว 3 ราย และโรงพยาบาลบางละมุง จำนวน 1 ราย ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ปลอดภัยหมดแล้ว

ส่วนทางด้านสถานการณ์เกี่ยวกับทางด้านความปลอดภัยในพื้นที่ได้มีการรายงานว่า จากการที่ได้มีการตรวจวัดอากาศทั้งหมด 7 จุด พบว่ามีสารฟอร์มาลดีไฮด์บริเวณท่าเรือจุดเดียวแต่น้อยมาก คาดว่าจะสลายตัวไปในเร็วๆนี้ ส่วนสารเคมีที่พบในการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้คือ แคลเซียม ไฮโปคลอไรท์ บรรจุอยู่ 13 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งความเป็นพิษจะระคายเคืองต่อผิวหนัง และยังเป็นสารเพิ่มออกซิเจนหากได้รับความร้อนจะขยายตัวและเกิดการระเบิด หลังจากนั้นจะกลายเป็นก๊าซคลอรีนออกมา คาดว่าผลจากแรงระเบิดและมีปริมาณมาก ประชาชนได้ถูกระอองของสารจึงทำให้การระคายเคืองตามผิวหนัง ส่วนกรณีการดับเพลิงในครั้งนี้ได้มีน้ำส่วนหนึ่งจากการดับเพลิงได้ไหลลงสู่ทะเล จึงได้ใช้บูมวางรอบเรือ เพราะเกรงว่าจะเกิดน้ำมันรั่วไหลลงในทะเล หลังจากนั้นได้นำน้ำบริเวณรอบเรือไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป

นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ติดตามสถานการณ์มาตลอด แต่ก็เบาใจจากการทผู้ที่เชี่ยวชาญลงมาตรวจ พบว่าสารเคมีที่ไหม้นั้นไม่รุนแรงมาก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อประชาชน เพราะเข้าตาก็แสบตา ถูกผิวหนังก็ระคายเคือง ส่วนเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อสายตาต่างประเทศหรือไม่นั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่อยากให้ต่างชาติเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุทุกหน่วยงานระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็วไม่ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ที่สำคัญทุกหน่วยงานลงพื้นที่และประสานงานกันมาตลอด ซึ่งทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นการบูรณาการอย่างแท้จริง จุดสำคัญที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย จึงให้มีการตั้งกองกำลังจิตอาสาเพื่อช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย และในฐานะตนเป็นคนหนึ่งที่มีจิตอาสาจึงเดินทางมาให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยเหลือได้

Advertisement

“ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่จะมีการอาการทางผิวหนัง ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้ใช้น้ำล้างบ่อยๆ อาการก็จะหายไป ช่วงนี้ได้กันพื้นที่และส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ขอยืนยันไม่ได้มีผู้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่แต่อย่างใด ส่วนผู้ป่วยจากการได้พูดคุยกันนั้นจะให้กลับบ้านหมดแล้ว ที่อยู่ก็เพียงรอดูอาการเท่านั้น” นายภัครธรณ์กล่าว

ทางด้านนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบังกล่าวว่า ช่วงนี้ทางเทศบาลนครแหลมฉบังกำลังรับฟังการร้องเรียนจากประชาชน ส่วนความเสียหายคงต้องส่งเรื่องไปที่ท่าเรือแหลมฉบังดำเนินการ ทางเทศบาลจะส่งข้อมูลไปให้ ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตามชุมชนต่างๆ ตรวจสอบว่าใครได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนบริษัทต่างๆ ที่อยู่รอบท่าเรือดีใจ ที่ให้ความสนใจพร้อมทั้งแจ้งมาว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ยอมรับว่าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนทางด้านเทศบาลได้มีการเตรียมรถขนย้ายหากมีเหตุการณ์รุนแรง โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image