ชาวบ้านหยงโปจี้ รมว.มหาดไทย ให้ความเป็นธรรม ผญบ.และพวกที่ช่วยป้องเครื่องมือทำประมง

วันที่ 27 พฤษภาคม ตัวแทนชาวบ้าน ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล 10 คน นำโดย นายอนุศักดิ์ ฮะยีตำมะลัง นายเจ๊ะเด็น เหะหมัด นายยาวานี กรมเมือง นายจำปัน ปันดิกา เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีมหาดไทย ผ่านนายเสถียรพงษ์ แก้วเพชร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล หลังพบหนังสือลงวันที่ 17 เมษายน 2562 แจ้งผลการดำเนินการทางวินัยกับนายรอซาด สุวาหลำ เรื่องลงโทษปลดออกจากตำแหน่ง

สืบเนื่องจากกรณีการจับกุมเรือมาเลเซียที่เข้ามาทำประมงจนทำให้เครื่องมือประมงของชาวบ้านเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 06.00 น. นายรอซาด สุวาหลำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตันหยงโป พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกลุ่มสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน จนเป็นที่มาของการสั่งปลดออกจากตำแหน่งดังกล่าว พร้อมอ้างถึงหนังสือเรื่องแจ้งผลการดำเนินการทางวินัยนายรอซาด สุวาหลำ เรื่องลงโทษปลดออกจากตำแหน่งลงวันที่ 17 เมษายน 2562

Advertisement

นายอนุศักดิ์ ฮะยีตำมะลัง อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 270 หมู่ที่ 1 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่มาของปัญหาครั้งนี้ คือ พวกตนและชาวบ้านได้เดินทางไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตันยงโป อ.เมือง จ.สตูล ว่าได้มีเรือประมงของมาเลเซียเข้ามาทำประมงในเขตไทย และทำให้เครื่องมือประมง เช่น อวนปู อวนกั้ง ลอบปู ลอบกั้ง ส่งผลให้เครื่องมือประมงพวกตนและชาวบ้านได้รับความเสียหายมาเป็นเวลา 2 – 3 เดือน ก่อนเกิดเหตุ ซึ่งได้ไปแจ้งให้กับผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 แล้ว แต่ผู้ใหญ่บ้านได้ออกไปตรวจตราในช่วงกลางคืน จึงไม่พบการกระทำผิดเพราะเรือดังกล่าวออกในช่วงกลางวัน

“หลังจากนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ชาวบ้านจึงไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 คือ นายรอซาด สุวาหลำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 เพราะรู้ดีว่าใน ต.ตันหยงโป มีการทำข้อตกลงของการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครองว่าหากมีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านได้รับความเสียหาย เกิดความเดือดร้อน พบเห็นการกระทำเหตุการณ์กระทำผิดได้ ต.ตันหยงโป ทุกคนมีอำนาจจับกุมและดำเนินแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านได้ทุกคน หลังจากผู้ใหญ่บ้านลงบันทึกเสร็จก็ได้โทรศัพท์หาตำรวจน้ำที่ตำมะลัง แต่ตำรวจน้ำบอกว่ากำลังไม่พอ เพราะทุกคนกลับไปงานรายา แต่ต้องรอการให้ความช่วยเหลืออยู่ที่ตามมาหลังเกิดเหตุฉุกเฉิน ในวันที่ 19 สิงหาคม หลังจากนั้นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ได้โทรศัพท์มาหาตำรวจชุดสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล ซึ่งมีชุดจับกุมรับปากจะลงไปตรวจสอบในเช้ามืดวันที่ 19 โดยทางตำรวจได้ขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยขับเรือพาชุดจับกุมไป เพราะตำรวจไม่มีเรือในการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ตอบตกลงซึ่งเหตุการณ์ได้มีการประสานหน่วยงานต่างๆ” นายอนุศักดิ์ กล่าว

ต่อมานายอนุศักดิ์ กล่าวว่า เช้าวันที่ 19 สิงหาคม 2561 เวลา 07.00 น. ขณะที่ออกไปทำการประมงก็เห็นเรือของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 คน ได้ออกทะเลมาจอดเทียบเรือพวกตน และนั่งกินกาแฟกันในเรือเพื่อสังเกตการณ์ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งขณะนั้นตนทำประมงอยู่ระหว่างเกาะเกว (อ่านว่า เกาะเกว) และเกาะเกาะสาม ซึ่งยืนยันได้ว่าเป็นเขตของไทยแน่นอน เวลาประมาณ 07.20 น. ก็เห็นเรือประมงของมาเลเซียกว่า 20 ลำ ได้เข้ามาลอบวางอวนล้อมปลาทูขนาดใหญ่ ในบริเวณดังกล่าว ในขณะที่เรือประมงของมาเลเซียกำลังทำประมงอยู่นานทางชุดจับกุมจึงบอกให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ขับเรือไปเทียบเพื่อจับกุมพอเรือของชุดจับกุมเข้าไปเทียบเรือประมงมาเลเซีย ชุดจับกุมได้แสดงตัวเข้าจับกุมเรือ 2 ลำส่วนเรืออื่นได้หนีไป ขณะจับกุมผู้ใหญ่บ้านอยู่ในเรือลำที่ขับไปตลอดไม่ได้ขึ้นจากเรือแต่อย่างใด สักพักก็เห็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 2 คน ขึ้นไปบนเรือที่ถูกจับกุมทั้ง 2 ลำ ด้วย มาสอบถามภายหลังจึงรู้ว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 คน ขึ้นไปเพื่อช่วยแปลภาษาให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพราะพูดภาษายาวีได้ ไม่ได้ขึ้นไปร่วมจับกุมแต่อย่างใด

Advertisement

“หลังจากนั้น ก็มีการลากเรือทั้ง 2 ลำ ที่จับกุมได้เข้าฝั่งที่สะพานบ้านบากันเคย หมู่ที่ 3 ระหว่างนั้นก็มีเรือของตำรวจน้ำมาเลเซีย 3 ลำ เข้ามาเรือขับวนที่กำลังลากกันอยู่ เพื่อให้เกิดคลื่นใหญ่ เพื่อจะแย่งเรือที่ถูกจับกลับไป ซึ่งพวกตนก็เห็นเรือลำที่ผู้ใหญ่หมู่ที่ 3 ขับอยู่ฝ่าคลื่นน้ำเรือลำที่จับกุมเข้าบริเวณหัวสะพานบ้านบากันเคย ส่วนอีกลำก็ถูกตำรวจน้ำมาเลเซียชิงกลับไปได้พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 1 คน โดยขณะที่เรือตำรวจน้ำมาเลเซียเข้ามาชิงเรือกลับ เหตุการณ์เกิดขึ้นห่างจากเกาะสาม ประมาณ 500-800 เมตร ซึ่งเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นทั้งหมด ตนและทีมงานที่ลงรายชื่อมาในหนังสืออยู่ในเหตุการณ์ตลอด เพราะเรือพวกตนอยู่ห่างจากเรือเกิดเหตุเพียง 3,000 เมตร” นายอนุศักดิ์ กล่าวและว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าเรียกไปสอบสวนข้อเท็จจริง จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับนายรอซาด สุวาหลำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล และพวกในการออกปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ด้วย

นายยูโสบ หมันวาหาบ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 1 ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล กล่าวว่า ไม่เป็นธรรมหากมีการปลดผู้ใหญ่และพวกที่ออกมาช่วยชาวบ้านปกป้องไม่ให้กลุ่มเรือประมงมาเลเซียล่วงล้ำน่านน้ำเข้ามาทำประมงในฝั่งไทย เพราะทุกครั้งที่เรือเหล่านี้เข้ามาจะสร้างความเสียหายให้เครื่องมือประมงของพวกตน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image