ศาลจังหวัดแพร่ ตัดสินประหารชีวิต 3 มือฆ่าชาวอังกฤษ อีกรายคุก 25 ปี

เวลา 10.00 น.วันที่ 31 พฤษภาคม ศาลจังหวัดแพร่นัดฟังคำพิพากษาคดีฆาตกรรมชาวต่างชาติที่จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดแพร่ ได้นำตัวนายหนัด หรือหนานหนัดหรือนายวารุต รัตนสัจจกิจ อายุ 63 ปี จำเลยที่ 1 พร้อมทั้ง นายเปี้ยะ คำใส หรือ เสือทอง อายุ 63 ปี จำเลยที่ 2 และนายกิตติพงษ์ คำหวัน หรือ ไอ้ใหญ่ อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 และนายสีมา อุดพามูล อายุ 60 ปี ชาวบ้านแม่กะต๋อม ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ จำเลยที่ 4 ผู้ต้องหาคดีบงการฆ่านายอรัน สก็อต ฮ็อค (Mr Alan Scott Hogg) และนางหน็อต สุดแดน ภรรยาชาวจังหวัดแพร่ ไปที่ศาลจังหวัดแพร่ เพื่อฟังคำพิพากษา ในขณะที่มีญาติของผู้ต้องหาและญาติผู้ตายเดินทางมาร่วมฟังทั้ง 2 ฝ่าย

ศาลได้อ่านสำนวนประกอบคำพิพากษานานประมาณ 1 ชั่วโมง โดยสรุปว่า จำเลยที่ 1 เลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 ได้เตรียมการและร่วมกันสังหารอย่างไตร่ตรองไว้ก่อน โดยไปเตรียมการที่บ้านจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้ตายจำเลยที่ 2 ใช้ปืนลูกซองหัวปลายยิงนายอรัน สก็อต ฮ็อก 2 นัดตรงเล้าเป็ด จำเลยที่ 3 ล็อกแขนนางหน็อต สุดแดน จำเลยที่ 1 ใช้เครื่องมือซ่อมรถ (กุญแจเลื่อน) ทุบศีรษะด้านหลังบริเวณโรงรถขณะกำลังคัดมะนาว จากนั้นจำเลยทั้ง 3 ช่วยกันนำผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ไปใส่หลุมริมห้วยกวางเน่าโดยใช้รถแบ๊กโฮ ของจำเลยที่ 1 เหตุเกิดเมื่อ 18.00 น.ของวันที่ 19 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่พบเบาแสจากรอยเลือดติดที่เท้าสุนัขในบ้าน เป็นต้นเหตุของการสืบสวนในคดีดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 4 ก่อนหน้าเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ไปว่าจ้างให้ฆ่าคนข้างบ้านด้วยราคา 100,000 บาท เมื่อทราบว่าเป็นน้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่รับงาน แต่ได้พาไปหาจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 รับเงินไปก่อนแล้ว 50,000 บาท และค่ารถอีก 2,000 บาท ทำให้จำเลยที่ 4 มีส่วนในการวางแผนฆ่าครอบครัวฝรั่งดังกล่าว

ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้มีความผิดจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4 ให้การเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 25 ปี เนื่องด้วยคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญประชาชน และ เป็นการสังหารชาวต่างชาติสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงประเทศชาติ ถือว่ามีความผิดร้ายแรง ศาลจึงไม่ลดโทษให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว ในทางแพ่งได้รับฟังข้อเท็จจริงจากคดีอาญาฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันฆ่าผู้อื่นจึงต้องใช้สินไหมทดแทนแก้ลูกสาวของผู้ตายจำนวน 644,255.20 บาทในการใช้จ่ายพิธีศพและการเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อดำเนินคดีของบิดา ฯลฯ ส่วนค่าที่จอดเรือยอชต์ ของผู้ตายไม่สามารถเรียกสินไหมทดแทนได้ประมาณ 60,000 บาทเศษ เนื่องจากไม่เกี่ยวกับการก่อคดีในครั้งนี้ ศาลยกคำร้อง

เหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวไทยและกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทย เมื่อมีข่าวการหายตัวไปของครอบครัวฝรั่งชาวอังกฤษคือนายอรัน สก็อต ฮ็อค (Mr Alan Scott Hogg) และนางหน็อต สุดแดน ภรรยาชาวจังหวัดแพร่ หายไปจากบ้านเลขที่ 207 / 4 หมู่ 6 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561 ทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ทำงานร่วมกับ ชุดสืบสวนจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาตินานหลายวันได้ค้นหาจนเจอเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 ซึ่งทั้ง 2 คนกลายเป็นศพถูกฝังอยู่ริมลำธารห้วยกวางเน่า บริเวณที่เลี้ยงเป็ดใกล้บ้านของผู้ตายทั้งสองนั่นเอง ตำรวจได้ควบคุมตัวนาย วารุต รัตนสัจจกิจ อายุ 63 ปี เป็นพี่ชายของนางหน็อตนั่นเองในฐานะเป็นผู้บงการฆ่า ร่วมกับ นายเปี้ยะ คำใส หรือ เสือทอง อายุ 63 ปี ชาว ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ มือปืนผู้ลงมือสังหาร Mr Alanฯ นายกิตติพงษ์ คำหวัน หรือ ไอ้ใหญ่ อายุ 24 ปี ชาว ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ ผู้ร่วมกระทำผิดโดยเป็นคนจับกุมนางหน็อต ให้นายวารุตใช้เครื่องมือช่างตีที่ศีรษะด้านหลังจนถึงแก่ความตาย หลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ช่วยกันอำพรางศพ โดยการลากทั้งสองคนไปฝังลงหลุมที่เตรียมไว้ริมลำห้วยกวางเน่าฝังกลบจนเสร็จ เมื่อเวลา 20.00 น.วันเดียวกันจึงแยกย้ายกันกลับ โดยนำรถยนต์ ฟอร์ด 4 ประตูสีขาว ทะเบียน กต.3181 แพร่ ของนายอรันฯ นำออกไปขายในตลาดมืด ซึ่งหลังจากคดีฆาตกรรมดังกล่าวตกเป็นข่าวทำให้ผู้ซื้อรถไปทราบว่าเป็นรถยนต์มาจากเหตุฆาตกรรมจึงได้นำรถส่งให้กับตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งคืนเจ้าของต่อไป

Advertisement

การดำเนินคดีดังกล่าวใช้เวลานานราว 8 เดือน ศาลจังหวัดแพร่จึงมีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด นายธนเทพ สุทธิประภา ทนายความของของผู้เสียชีวิต ได้ส่งนางสาวปวีณา เชื้อเย็น ทีมทนายความเข้าฟังคำพิพากษาและเป็นพี่เลี้ยงญาติผู้เสียชีวิต นางสาวปวีณา กล่าวว่า ญาติผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งไม่พร้อมให้ข้อมูล ซึ่งการฟังคำพิพากษาแล้วรู้สึกพอใจการตัดสินของศาลไทย

นายนิพนธ์ คำใส อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 / 2 หมู่ 8 ต.แม่เกิ๋ง อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า ตนเป็นลูกของนายเปี้ยะ คำใส จำเลยที่ 2 ที่ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ในประเทศเกาหลี ทราบข่าวว่าพ่อมีคดี นางจันทร์แสง ยศวงศา อายุ 66 ปี มารดาโทรศัพท์ไปบอกและให้ติดตามข่าวทางยูทูบ ทำให้ตนได้ทราบว่า บิดาต้องคดี จึงได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือพ่อ แต่มาที่ศาลไม่ได้เข้าฟังคำพิพากษามาทราบทีหลังว่าบิดาถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตแล้ว ตนไม่มีความรู้พอไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ต้องช่วยเหลือพ่อให้ถึงที่สุด คงต้องติดต่อศาลว่ามีช่องทางอย่างไร อาจจะยื่นอุทธรณ์ต่อไปก็เป็นได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image