เกษตรกรแทบร้องไห้! ฝูงหมูป่าบุกไร่ กินสับปะรดและมันสำปะหลังเรียบ

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี เข้าตรวจสอบไร่สับปะรดและไร่มันสำปะหลังของเกษตรกร อ.บ้านคา จ.ราชบุรี หลังฝูงหมูป่าหลายสิบตัวกัดกินเสียหายยับ

นายชุมพล แก้วเกตุ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี ได้มอบหมายให้นายวายุกฤช ศรีสุนนท์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าวังครก พร้อมเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เข้าตรวจสอบไร่ปลูกสับปะรดของนายศรคีรี บัวแจ้ง พื้นที่หมู่ที่ 9 บ้านพุขี้เหล็ก ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ติดพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี หลังสับปะรดแต่ละต้นมีร่องรอยของสัตว์แทะกินบริเวณผลจนแหว่งทิ้งเกลื่อนตามร่องสวนแทบจะเหลือแต่เปลือก ตามพื้นดินพบรอยตีนหมูป่าทั้งรอยขนาดเล็กและรอยตีนขนาดใหญ่เหยียบย่ำ จากการเดินทางตรวจสอบพื้นที่พบว่าได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

นายศรคีรี บัวแจ้ง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/ 2 หมู่ 9 ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา เปิดเผยว่า พื้นที่ปลูกสับปะรดประมาณ 20 ไร่ แบ่งปลูกพันธุ์สับปะรดกินผลสดประมาณ 7 ไร่ ขณะที่พื้นที่จุดอื่นๆ เจอปัญหาภัยแล้งมาแล้ว เหลือเพียงแปลงนี้แปลงเดียวที่ตัดขายแบบกินผลสด แต่มาเจอปัญหาฝูงหมูป่ามากัดกินแทะเสียหายไปกว่า 3 ไร่ หรือประมาณ 6 – 7 ตัน ตอนนี้ปลูกสับปะรดผลสดขายส่งตลาดอยู่ราคากิโลกรัมละ 17 บาท / กก. มีราคาอยู่ประมาณตันละ 13,000 บาท ประเมินความเสียหายกว่า 3 ไร่ เป็นเงินประมาณ 6 – 7 หมื่นบาท ที่ได้เสียหายไปแล้ว โดยหากไม่เจอปัญหาฝูงหมูป่าทำลายน่าจะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 30 ตัน

ช่วงที่ผ่านมาพบว่าฝูงหมูป่าจะมาพร้อมกับฝนตก ยิ่งฝนตกหนักฝูงหมูป่ายิ่งชอบ พอเช้ามาเจอผลสับปะรดเสียหายเกลื่อนไร่เต็มไปหมด หมูเลือกกินเฉพาะผลสุก เหมือนรู้ว่าลูกไหนแก่สุกบ้าง คิดว่าปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่จะเช่าพื้นที่ตรงนี้ปลูกแล้ว และคงจะไปเช่าที่อื่นปลูกแทน ผิดกับเกษตรกรรายอื่นที่ปลูกลักษณะแบบขายผลดิบส่งเข้าโรงงาน เพื่อจะไม่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ แต่ส่วนของตนเองปลูกสับปะรดกินผลสดทำให้ต้องมาเจอปัญหา เพราะหมูป่าชอบกินผลสด

Advertisement

นายวายุกฤช ศรีสุนนท์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าวังครก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เปิดเผยแนวทางแก้ปัญหาว่า หมูป่ามาเป็นฝูง มีทั้งพ่อ แม่ ลูก เป็นฝูงขนาดใหญ่ 10 ตัวขึ้นไป ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องคอยดูแลควบคุม และคอยผลักดันจนกว่าฝูงหมูป่าจะรู้ตัวว่ามีคนมาคอยดูแลและคอยขับไล่อยู่ในจุดเกิดเหตุ และจะต้องทำอย่างต่อเนื่องไป จนหมูป่าเชื่อใจว่ามีคนอยู่แล้วก็จะไม่กล้าลงมาจากป่า ซึ่งหากจะมาดูแลวันเดียวก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้มีพฤติกรรมกลับมาทำลายซ้ำอีก ดูลักษณะการกินคาดว่าฝูงหมูป่ารู้แล้วว่าถิ่นตรงนี้มีจุดอาหารแล้ว เจ้าของไร่ก็ต้องช่วยกันดูแล เช่น การสร้างรั้วกั้น หรือรั้วลวดหนาม หรือมีดวงไฟมาติดไว้ในพื้นที่เพื่อให้หมูป่าได้ตื่นตระหนกตกใจ โดยพื้นที่ที่พบปัญหาจะอยู่ติดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จะมีหมูป่าอาศัยอยู่และจะมีปัญหาอยู่ในบางช่วง

เช่นเดียวกับไร่มันสำปะหลังของนายสมชาย หลวงโพคา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 7 ต.บ้านคา อ.บ้านคา ก็ได้รับความเดือดร้อนจากฝูงหมูป่าเข้ามาบุกกัดกินทำลายหัวมันสำปะหลังได้รับความเสียหาย แม้จะมีการทำรั่วไม้กั้น แต่หมูป่าก็สามารถเข้าไปกัดกินทำลายมันสำปะหลังจนเสียหาย มีชาวบ้านบางคนใช้บ่วงเชือกดักแร้ว บริเวณทางเดิน แต่ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำลาย เพราะหมูป่าอาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เกรงชาวบ้านจะถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.เขตป่าสงวน เจ้าหน้าที่จึงต้องหาแนวทางผลักดันหมูป่าไม่ให้เข้ามากัดกินทำลายพื้นไร่

นายสมชาย หลวงโพคา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ปลูกสับปะรดมาแล้ว 3 – 4 รุ่น แต่ถูกฝูงหมูป่ากัดกินทำลายเสียหายหนัก มาปีนี้จึงมีแนวคิดหันมาปลูกมันสำปะหลังเป็นปีแรก คิดว่าคงไม่มีปัญหา แต่พอปลูกได้ประมาณ 5 – 6 เดือน มันสำปะหลังเริ่มออกหัว กลับถูกฝูงหมูป่าเข้ามากัดถอนต้นมันสำปะหลังกินหัวที่ใต้ดินจนเกลื่อนไปหมด บางต้น มีร่องรอยให้เห็นใหม่ ๆ แม้จะทำรั่วกั้นรอบทุกทางหมูป่าก็ยังเข้าได้อีก

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image