จับวิลล่าหรูมูลค่ากว่าพันล้าน เปิดเป็นโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต มีบริษัทข้ามชาติเข้าร่วมดำเนินกิจการสุดแยบยล
จับโรงแรมชื่อดังบนเกาะสมุย นำวิลล่าหรู 23 หลังมูลค่ากว่าพันล้านบาท มาให้บริการเป็นโรงแรมแต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตรวจสอบยังพบมีพฤติการณ์ดำเนินการประกอบธุรกิจสุดแยบยลซับซ้อน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิถุนายน ฝ่ายอำนวยการ รมน.ภาค 4 ร่วมกับ ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 4 และมณฑลทหารบกที่ 45 พื้นที่เกาะสมุย ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี เข้าตรวจสอบโรงแรมชื่อดังในพื้นที่บ้านเชิงมนต์ หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะสมุยที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ว่าถูกสถานประกอบการโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตมาทำธุรกิจเอารัดเอาเปรียบด้วยการแย่งลูกค้าที่มาจองห้องพักเพื่อมาท่องเที่ยวที่เกาะสมุย ซึ่งเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานประกอบการโรงแรม ซามูจาน่า วิลล่า ม.5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย พบว่าเปิดทำธุรกิจโรงแรมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ตั้งอยู่บนภูเขาเนื้อที่กว่า 70 ไร่ เป็นวิลล่าหรูระดับ 5 ดาว จำนวน 23 หลัง 89 ห้องนอน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,000 ล้านบาท วิลล่าแต่ละหลังจะมีห้องพักตั้งแต่ 3 ห้อง จนถึง 8 ห้อง ขายที่พักรายวันคิดเป็นเงินไทยตั้งแต่ 3 หมื่นบาท จนถึง 1.3 แสนบาท
ต่อมาผู้จัดการฝ่ายบัญชีเข้ามาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้สอบถามทราบว่า วิลล่าแต่ละหลังจะมีเจ้าของบ้านที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลทั้งหมด และมีคนไทยมาทำสัญญาเช่าช่วงต่ออีกที โรงแรมซามูจาน่าเป็นบริษัทบริหารจัดการในโครงการทั้งหมด ตั้งแต่รับจองห้องพักผ่านทางตัวแทนรับจอง เว็บไซต์ออนไลน์ และทางโทรศัพท์ โดยรายได้จะโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัทซามูจาน่าเต็มจำนวน โรงแรมซามูจาน่าจะแยกเป็นรายได้ให้เจ้าของวิลล่าแต่ละหลังแบ่งเปอร์เซ็นต์ต่างกัน
แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า โรงแรมซามูจาน่า จดทะเบียนนิติบุคคลในชื่อบริษัท ซามูจาน่า จำกัด มีกรรมการ 1 คน ชื่อ น.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ บริษัท ไทรอัมพ์ เทรดดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด (จดทะเบียนนิติบุคคลที่หมู่เกาะเติกส์) จำนวนหุ้นที่ถือ 48,750 หุ้น บริษัท เพอร์เฟ็ค วิว โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ 21,250 หุ้น และบริษัท บิดโบรูจ ริดจ์ จำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ 30,000 หุ้น
บริษัท บิดโบรูจ ริดจ์ จำกัด มีกรรมการ 1 คน ชื่อ น.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ ทุนจดทะเบียน 106 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ บริษัท ไทรอัมพ์ เทรดดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด (จดทะเบียนนิติบุคคลที่หมู่เกาะเติกส์) จำนวนหุ้นที่ถือ 519,399 หุ้น บริษัท เพอร์เฟ็ค วิว โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ 540,600 หุ้น และ น.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ จำนวนหุ้นที่ถือ 1 หุ้น
บริษัท เพอร์เฟ็ค วิว โฮลดิ้ง จำกัด มีกรรมการ 2 คน ชื่อนายฮาวเวิร์ด โทมัส ดิกสัน บิลตัน และ น.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ ทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ บริษัท ซามูจาน่า ลิมิเต็ด จำกัด (จดทะเบียนนิติบุคคลที่หมู่เกาะเติกส์) จำนวนหุ้นที่ถือ 34,300 หุ้น นายมนธีร์ เกตุชู จำนวนหุ้นที่ถือ 34,300 หุ้น และ น.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ จำนวนหุ้นที่ถือ 1,400 หุ้น
บริษัท บิดโบรูจ ริดจ์ จำกัด และบริษัท เพอร์เฟค วิว โฮลดิ้ง จำกัด เป็นเจ้าของเอกสารสิทธิที่ดิน จำนวน 15 แปลง รวมกว่า 70 ไร่ บริษัท บิดโบรูจ ริดจ์ จำกัด ได้ให้บริษัทต่างชาติ 7 บริษัท (จดทะเบียนนิติบุคคลที่หมู่เกาะเติกส์) ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี เพื่อก่อสร้างวิลล่า 7 หลัง และบริษัท เพอร์เฟ็ค วิว โฮลดิ้ง จำกัด ได้ให้บริษัทต่างชาติ 16 บริษัท (จดทะเบียนนิติบุคคลที่ประเทศอังกฤษ 14 บริษัท ไอร์แลนด์ 1 บริษัท ฮ่องกง 1 บริษัท) ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี เพื่อก่อสร้างวิลล่า 16 หลัง
หลังจากนั้นได้มีกลุ่มคนไทยเข้ามาโดยไม่ปรากฏสัญญาเช่าบ้านกับบริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของบ้าน 23 หลัง แต่อย่างใด โดยคนไทยทั้งหมดไปยื่นแบบหนังสือรับแจ้งสถานที่พักที่ได้รับการยกเว้นไม่เป็นโรงแรมตามข้อ 1 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ.2551 จำนวนห้องพัก 4 ห้อง และจำนวนผู้เข้าพักรวมกันทุกห้องไม่เกินยี่สิบคน และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ลงชื่อในฐานะนายทะเบียน ต่อมาโรงแรมซามูจาน่าได้มาดำเนินการเป็นบริษัทบริหารจัดการในโครงการและรับจองห้องพักทั้งหมดแทนกลุ่มคนไทยอีกรอบหนึ่ง
เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า โรงแรมซามูจาน่าได้เข้ามาประกอบกิจการลักษณะโรงแรม แต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เรียกน.ส.สุนิภา ธนาเลขะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ มาพบภายในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 มาตรา 15 ประกอบ มาตรา 59 ส่วนความผิดฐานดัดแปลงและใช้ประโยชน์ในอาคารผิดไปจากที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จะประสานให้เทศบาลนครเกาะสมุยเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงกลุ่มคนไทยที่เข้ามาเกี่ยวข้องขออนุญาตประกอบกิจการฯ เข้ามาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร เข้ามาผูกพันในฐานะใด อาจรวมถึงเรื่องการดำเนินการว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ อย่างไรด้วย
