ตำรวจสอบเครียดพยานโรงเรียนกวดวิชาคดีซ้อมศิษย์เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 15 ปี ซึ่งบิดาของผู้เสียชีวิต ติดใจสาเหตุการณ์ตาย และเชื่อว่าน่าจะถูกรุมทำร้าย ขณะที่บุตชายเข้าไปเก็บตัวเพื่อศึกษาเล่าเรียนกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จนเป็นแพร่หลายที่ประชาชนสนใจอยู่ในขณะนี้นั้น

โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านไอซ์แลนด์6 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนดังกล่าวพร้อมได้สอบถามไปยังนายพิษณุ สุวัฒน์พิเศษ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับสถาบันที่ตกเป็นข่าว ได้รับการเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเคยสังเกตการณ์แผนการสอนของที่สถาบันแห่งนี้ จะมีลักษณะการสอนแบบทหาร คือมีการวิดพื้น วิ่ง หรือเวลารับประทานอาหาร ก็ต้องนั่งให้เป็นระเบียบและคัดฉากแบบทหาร ซึ่งทุกครั้งครูฝึกมักจะชอบใช้เสียงตะโกน ตะคอกดุเด็กบ่อยๆ ส่วนความรุนแรงภายในนั้นตนเองไม่เคยเห็น

ขณะเดียวกันช่วงสายของวันเดียวกัน พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้มีการเชิญ ด.ช.เอ และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในสถาบันกวนวิชาที่ตกเป็นข่าว และเป็นเพื่อนกับน้องน้องชายแดนมาให้ปากคำ ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนให้ครบถ้วนอย่างละเอียด

เบื้องต้น มีรายงานการจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนาม ให้ข้อมูลการเสียชีวิตของน้องชายแดนกับทางตำรวจว่า ชนวนเหตุมาจากเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าของสถาบันกวดวิชาเกิดความไม่พอใจอะไรบางอย่างกับน้องชายแดน จึงไปสั่งการให้กลุ่มศิษย์ในสังกัดที่เป็นหัวโจก ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ด.ช.เรียว เป็นหัวหน้าแก๊งพาพวกไปรุมทำร้ายน้องชายแดนอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวแตกเย็บ 7 เข็ม แขนขวาหักรวมถึงได้รับความบอบช้ำระบมไปทั่วทั้งตน จนผู้ที่ทำร้ายน้องชายแดนทั้งหมด ต้องได้รีบพาตัวไปรักษาทำแผล และพากลับมาเก็บตัวอยู่ในสถาบัน โดยไม่ยอมให้มีการพูดคุยติดต่อกับทางพ่อแม่อย่างเด็ดขาด จนกระทั่ง เข้าสู่ช่วงวันที่ 12 มิถุนายน น้องชายแดนรู้สึกทนไม่ไหวกับอาการบาดเจ็บ ต้องการจะโทรศัพท์ติดต่อกับทางพ่อแม่ให้มารับพาไปรักษาที่โรงพยาบาล จึงได้มีการไปขอโทรศัพท์ของตัวเองที่ถูกยึดไว้กับทางแม่ยายของเจ้าของสถาบัน แต่ปรากฏว่า ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่ายังไม่ว่าง จึงทำให้น้องชายแดนเดินหันหลังและสบถออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ จนเป็นเหตุทำให้แม่ยายนำเรื่องไปฟ้องลูกเขย ซึ่งผลสุดท้าย เจ้าของสถาบันขาโหดรายนี้ได้ใช้ไม้เบสบอลฟาดไปที่ด้านหลังน้องชายแดนอย่างรุนแรงไปกว่า 20 ที เพื่อเป็นการทำโทษ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดให้แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะนำไปสำในสำนวนคดี

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ในรายงานดังกล่าว มีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า การใช้ความรุนแรงของเจ้าของสถาบัน รวมไปถึงกลุ่มนักเรียนหัวโจกที่คอยทำหน้าที่รับใช้ตามคำสั่ง ไม่ได้เกิดกับเพียงแค่น้องชายแดนเพียงเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับหลายคนที่มาเก็บตัวเรียนอยู่ที่สถาบัน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ ยอมรับไม่ได้กับการใช้ความรุนแรง ถึงขนาดกับมีนักเรียนรายหนึ่งต้องปีนกำแพงหลบหนีกลางดึกไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านใกล้เคียง เพราะโดนทำร้ายจากการซ้อมและทุบตี จนทนรับไม่ไหว แต่ก็ยังมีนักเรียนอีกหลายคนต้องอดทนอยู่สู้ต่อไป เนื่องจากก่อนที่จะมาเข้าเรียนอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ ส่วนใหญ่พ่อแม่ของนักเรียนต้องกู้เงินมาให้เพื่อศึกษาเล่าเรียน ปีละ 280,000 บาท จนทำให้เด็กไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ จึงต้องยอมอดทนและทนเรียนต่อไปจนกว่าจะหมดปี หรือจนกว่าถึงกำหนดเกณฑ์อายุ ได้สอบโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งในรายของน้องชายแดนนั้น เพื่อนสนิทคนหนึ่งได้ระบุว่า ชายแดนมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหาร จึงต้องอดทนอยู่เรียนจนได้สอบ แม้จะต้องเจอการทำโทษอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง ก็ไม่เคยปริปากบอกให้พ่อแม่ทราบ เพราะเค้าเชื่อว่าทนได้ ยังไงก็ไม่ตาย แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตไปอย่างน่าสลด

ซึ่งในเวลาต่อมา นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร “กวดวิชาบ้านพี่ณัฐ” ที่ตกเป็นข่าว ได้เดินทางเจ้าพบกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมกับแม่ยาย เพื่อให้ปากคำกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการแยกสอบปากคำระหว่างฝั่งผู้สูญเสีย และฝั่งคู่กรณี อย่างเคร่งเครียด อีกทั้ง ยังมีการเชิญนักเรียนที่เคยศึกษาอยู่กับสถาบันดังกล่าวมาสอบอีกหลายปากด้วย โดยทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อย่างรัดกุม รวมถึงใบผลตรวจการชันสูตรศพน้องชายแดดอย่างละเอียดก่อนจะมีการดำเนินการทางคดีในขั้นตอนต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image