หลังจากที่พะยูนน้อย “มาเรียม” พลัดหลงพ่อและแม่ กระทั่งทีมแพทย์ทั้งจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และทีมสัตว์แพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กลุ่มพิทักษ์ดุหยง และผู้นำชุมชน นำมาปล่อยบริเวณอ่าวดุหยง ใกล้เขาบาตู หมู่ 4 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมทั้งให้การดูแลและติดตามเฝ้าระวังอนุบาลอย่างดีด้วยการตรวจสุขภาพ ป้อนนม จำนวน 2,020 มิลลิลิตร หญ้าทะเล จำนวน 100 กรัม และให้ว่ายน้ำออกกำลังโดยล่าสุดมีการ กำหนดวางทุ่นแนวเขตเพื่อมิให้เรือวิ่งผ่านและจอดเรือบริเวณอนุบาลลูกพะยูน เพื่อความปลอดภัยของน้องมาเรียมนั้น
ล่าสุด นายพิศิษฐ์ ชาญเสนาะ ประธานชมรมมูลนิธิหยาดฝนจังหวัดตรัง กล่าวว่า ปรากฎการณ์พะยูนน้อยมาเรียม เป็นเรื่องที่น่ายินดีของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชาวบ้านเกาะลิบงปรากฏผล อย่างไรก็ตามที่เกาะลิบงเคยมีปรากฎการณ์พะยูนน้อยมาเรียมมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่ชาวบ้านดูแลเรื่องอวนลากอวนรุน อนุรักษ์หญ้าทะเลและมีพะยูนที่เรียกว่า “เจ้าโทน” ขึ้นมาแหวกว่ายน้ำเล่นกับชาวบ้าน และเป็นตัวที่ทำชื่อเสียงให้กับชุมชน อำเภอ และจังหวัดตรังพอสมควร แต่ว่าเรื่องนี้จะต้องมีการสรุปบทเรียนช่วงที่ประชาชน สังคมชื่นชมยินดีมีความสุขจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่นาน เจ้าโทนก็เสียชีวิตเป็นเรื่องเศร้าของทะเลตรัง จะโดยเหตุใดๆ ก็ตามก็เป็นที่ทราบกันดีในขณะนั้น กรณีพะยูนน้อยมาเรียม จำเป็นที่จะต้องศึกษาว่า อย่างให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยคือหลีกปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้ได้
นายพิศิษฐ์กล่าวอีกว่า ปรากฎการณ์ของพะยูนน้อยมาเรียมเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกับพะยูนเจ้าโทนที่พลัดหลงพ่อแม่มาจากที่อื่น เอามาเลี้ยง เอามาอนุบาล อย่างไรก็ตามนิเวศชายฝั่งทะเลบริเวณเกาะลิบงยังคงรองรับเรื่องนี้ได้อยู่ แต่ปัญหาจะต้องมีความละเอียดอ่อนมีความร่วมมือจากชาวบ้านให้มากขึ้น พะยูนจะเปราะบางถ้าดูแลไม่ดี ทั้งสภาพแวดล้อมที่จะต้องสร้างความสมดุลปกป้องรักษาความปลอดภัย อย่างมองเพียงมาเรียมเพียงตัวเดียวแต่ให้มองบริบทของนิเวศของเกาะลิบง โดยเฉพาะการให้ควาร่วมมือของพี่น้อง ภาครัฐ จะต้องแน่นขึ้นที่ผ่านมามีช่องว่างพอสมควรที่จะต้องดูแล ทั้งพะยูน และนกอยพที่มาอาศัยบริเวณเกาะลิบง
“คนตรังก็ดี พี่น้องชาวลิบงก็ดีต้องเอาพะยูนน้อยมาเรียมมาเป็นความเรื่องของการให้ความสำคัญของการอนุรักษ์ทะเลตรัง เพื่อให้สัตว์ทะเลอุดมสมบูรณ์ ให้มาเรียมเป็นตัวประสานความรัก ความศรัทธาต่อพี่น้องชาวเกาะลิบงของการรักษาระบบนิเวศเกาะลิบง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย หลายสิบปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง จึงไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้เสียไป” นายพิศิษฐ์กล่าว
