เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยอดชาด อ.วังยาง จ.นครพนม โดยทางด้านว่าที่ร้อยตรี เอกวัฒนา คงคาน้อย นายอำเภอวังยาง จ.นครพนม ได้สั่งการให้ นายอัคเดช นาคสุวรรณ ปลัดอำเภอวังยางหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล พร้อมกำชับทำความเข้าใจชาวบ้าน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และประสานงานไปยังผู้นำชุมชนท้องถิ่น ให้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในพื้นที่ หากตกเป็นเหยื่อให้นำหลักฐาน เข้าพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ซึ่งจะมีการรวบรวมหลักฐาน เร่งตรวจสอบหาที่มา และติดตาม บุคคลที่ชาวบ้านระบุว่า เป็นตัวแทน มาจำหน่ายให้ชาวบ้าน
ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า ชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ จำนวน 3 ราย รายแรก คือ นางวงค์เดือน กมลเเก้ว อายุ 70 ปี ผู้เสียหาย ระบุว่า ตนป่วยเป็นมะเร็งลำไส้มานานหลายปี รายที่ 2 คือ นางสมภาร เเสงสุริวงค์ อายุ 50 ปี และรายที่ 3 คือ นางฤทธิรงค์ ยะงาม อายุ 59 ปี ซึ่งมีอาการป่วย เป็นโรคปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมถึงความดันเบาหวาน พร้อมให้ข้อมูลตรงกันว่า ทั้ง 3 ราย มีคนรู้จักมาแนะนำขายให้ในราคาใบละ 1,500 บาท อ้างว่ารักษาโรคได้สารพัด ซึ่งนำมาแช่น้ำดื่ม รวมถึงนำมาแปะไว้ตามตัว เพื่อรักษาอาการป่วย แต่ยังไม่เห็นผล โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งสอบสวน เก็บรวบรวมหลักฐาน ให้กับทาง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และตำรวจ เร่งติดตามผู้นำมาจำหน่ายที่ชาวบ้านระบุว่า เป็นคนในพื้นที่มาสอบสวน หากเข้าข่ายความผิดฐานหลอกลวง จะได้ให้ชาวบ้าน แจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้ บุคคลที่นำมาจำหน่าย รีบคืนเงินชาวบ้าน ทันที
นายอัคเดช นาคสุวรรณ ปลัดอำเภอวังยาง หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า หลังทราบข่าว ได้รับคำสั่งจาก นายอำเภอ ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง สสจ.นครพนม จนท.จากหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานตำรวจ ลงพื้นที่ สอบข้อเท็จจริงชาวบ้าน ที่ตกเป็นเหยื่อ เบื้องต้นพบแล้ว 3 ราย ส่วนใหญ่สาเหตุที่ซื้อ เพราะได้รับการชักชวนจากคนรู้จัก และต้องการหากจากอาการ ป่วย อ้างว่าสารพัดรักษาโรคได้ จึงตกเป็นเหยื่อด้วยความซื่อของชาวบ้าน เชื่อว่าในพื้นที่ อ.วังยาง จะมีอีกรายหลายที่ตกเป็นเหยื่อ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ สำหรับแนวทางการเอาผิด ได้หารือกับ สสจ.นครพนม รวมถึง สภ.วังยาง กำลังเร่งตรวจสอบพยาน หลักฐาน หากพบเข้าข่ายความผิด จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้กำลังติดตามตัวผู้นำบัตรมาขาย และขอให้มาชี้แจง คืนเงินชาวบ้านทันที หากไม่เนินการ จะใช้มาตรการทางกฎหมายเอาผิด เพราะเบื้องต้นพบว่า เป็นคนในพื้นที่นำมาจำหน่าย
ด้าน นางฤทธิรงค์ ยะงาม อายุ 59 ปี ซึ่งมีอาการป่วย เป็นโรคปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมถึงความดันเบาหวาน ระบุว่า ตนนำบัตรมาจากลูกสาว ที่ซื้อมาจากคนรู้จัก เพื่อหวังมารักษาอาการป่วยของแม่ ทดลองใช้ ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งแช่น้ำดื่ม นำมาแปะตามร่างกาย ตามคำแนะนำของคนรู้จัก แต่ยังไม่รู้สึกว่ามีอาการดีขึ้น แต่อยากทดลอง เป็นทางเลือก เป็นความหวังต้องการหายป่วย ความดัน ปวดตามร่างกาย เพราะป่วยมานาน ส่วนจะเกิดอันตรายหรือไม่ ไม่ทราบ หลังทราบข่าวว่า เสี่ยงอันตราย รู้สึกตกใจ แต่ได้ทดลองไปแล้ว หลังจากนี้ไม่กล้าดื่มน้ำจากการแช่บัตรพลังงาน รวมถึงไม่กล้านำมาแปะตามร่างกายอีก ส่วนเงินรู้สึกเสียดาย อยากได้คืน ส่วนการดำเนินคดี ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
