เปิดงาน330ปี กัญชาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (คลิป)

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายแพทย์มารุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นประธานเปิดงาน 330 ปี กัญชาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พิษณุโลกเมืองสมุนไพร ตามกิจกรรมโครงการส่งเสริมตลาดธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 โครงการตามแผนปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมี นายมานิตย์ สีฆสัมบันน์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดพิษณุโลก อาจารย์ประเสริฐ อัตโตหิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดชลบุรี อาจารย์ชัยวัฒน์ พันธ์รัศมี ผู้อำนวยการวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรพิษณุโลก และผู้เข้าร่วมอบรมให้การต้อนรับ

วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จ.พิษณุโลก ได้รับจัดสรรงบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เพื่อดำเนินการจัดงาน 330 ปี กัญชาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พิษณุโลกเมืองสมุนไพร ภายใต้กิจกรรมโครงการส่งเสริมตลาดธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายการค้าความร่วมมือและส่งเสริมความเข้มแข็งธุรกิจบริการสุขภาพ และกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมธุรกิจบริการสุขภาพ และส่งเสริมการตลาดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของธุรกิจบริการสุขภาพในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดพิษณุโลก รับผิดชอบการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพของประชาชนในพื้นที่จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง 1 โดยการจัดอบรมหลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 330 ชั่วโมง ครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดตาก รวมถึงการจัดกิจกรรมการเสวนาการใช้กัญชาตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ การแพทย์แผนไทยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรักษาผู้ป่วย การอบรมให้ความรู้และสาธิตการปรุงยาตำรับยาที่มีการใช้ผสมอยู่ 16 ตำรับ และการใช้การใช้ที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป นิทรรศการความรู้ด้านการปลูก การผลิต การจำลองคลินิกสาธิตกัญชาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การตรวจรักษาทางการแพทย์แผนไทย การอบรมผู้ใช้กัญชา แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอฟื้น และการให้ความรู้ด้านสุขภาพต่างๆ โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

Advertisement

นายแพทย์มารุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า การใช้กัญชาในการรักษาประชาชน ขณะนี้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ประชาคมการแพทย์แผนไทย มีความประสงค์ที่จะใช้กัญชามาเป็นตำรับยารักษาผู้ป่วย ซึ่งได้รับการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์แพทย์ไทย ซึ่งครูบาอาจารย์เราได้เลือกยาแผนโบราณที่มีส่วนผสมกัญชามาแล้ว 16 ตำรับ ซึ่งไทยเรามีอยู่จำนวนมาก จาก 26,000 กว่าตำรับ คัดออกมาแล้ว 90 ตำรับ และเบื้องต้นตกลงกันว่า ให้ใช้ 16 ตำรับก่อน ในส่วนของแพทย์แพทย์ไทย ใช้กัญชาในปริมาณไม่มากนัก ถือว่าเป็นกระสายยา เป็นตัวหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยตามอาการต่าง ๆ เราจะให้กัญชาเป็นส่วนผสมของยาที่สำคัญ กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งหนึ่งในประเทศไทยได้อย่างเร็วที่สุด

ขณะนี้การแพทย์แผนไทย ได้รับอนุญาติกัญชาของกลาง ซึ่งไม่มีโลหะหนัก ยาฆ่าแมลงเกินกำหนด จะให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ผลิตในเบื้องต้นจะผลิต 5 ตำรับแรกก่อน และจะตามมาเรื่อยๆ จนครบ 16 ตำรับ ส่วนตำหรับหนึ่งคือ ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ ต้องใช้ช่อดอกสด ซึ่งกำลังขอไปจากปปส. ที่ได้ข่าวว่าไปจับต้นกัญชาสดได้ เราประสานปปส. นำมาเพื่อผลิตเป็นยาแผนโบราณ จะให้ประชาชนได้รับประโยชน ทำให้สมุนไพรกัญชาในตำรับยาของเราได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ในราคาที่ไม่แพง โดยผู้ที่จะซื้อได้คือผู้ป่วย และผู้สั่งยาได้คือแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ที่ผ่านการอบรม และต้องมีการติดตามอาการผู้ป่วยด้วยว่ามีอาการอย่างไร มีผลค้างเคียงหรือไม่

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการ และเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า เราได้ทำลองในหลอดทดลองไปแล้ว ว่าสารทีเอสซีมีผลในการทำให้เซล์มะเร็งในสัตว์ทดลองฝ่อตายลง และอีกว่าพบสารพีพีเอ็น เป็นสารอีกชนิดหนึ่ง ที่ไม่ออกฤทธิ์ทางจิตประสาท มีผลยับยั้งเซลมะเร็งปอดในหนูทดลองได้ โดยใช้เซลมะเร็งของผู้ป่วยไปเพาะในหนู ขั้นตอนต่อไปต้องวิจัยทดลองในมนุษย์ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากสิ่งที่เป็นกัญชาที่ได้รับการจับกลุ่มเป็นกัญชา และสามารถใช้ทางยา ทำให้เรามีความเข้าใจในมิติทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เราพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องพึ่งสิทธิบัตรยาจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เป็นงานวิจัยทางกัญชาสมัยใหม่ที่เรามาไกลที่สุดในขณะนี้ ขณะเดียวกันตำรับยาไทย เป็นทางลัดทางเดียวที่สามารถนำมาใช้ในมนุษย์ได้เลย ไม่ต้องรอในสัตว์ทดลอง เป็นวิธีการที่เร็วที่สุดในกระบวนการที่ภูมิปัญญาชาติมีอยู่ เหลือขั้นตอนต่อไปทำอย่างไรให้การวิจัยในระดับมหาวิทยาลัยจะมีบทบาทในการมีส่วนร่วมทำให้ตำรับยาแผนโบราณที่ประกาศใช้มีความแม่นยำ ถูกต้อง ที่ใช้การวิจัย จากครูภูมิปัญญาต่างๆ อาทิ การใช้สด ใช้แห้ง ใช้ดอก ใช้ใบ ในอุณหภูมิต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน เรารู้จักสารสำคัญในกัญชามากแล้วในเภสัชยุคใหม่ ทำให้เราเติมเต็มภูมิปัญญาชาติที่มีแต่เดิมไปได้ไกลมากขึ้น หน่วยงานภาครัฐโดยนโยบาย ภาคราชการ มหาวิทยาลัย ภาคประชาชนต้องร่วมมือกัน และสื่อสารให้เป็นเอกภาพ กัญชาจะเป็นของดี ไม่เป็นของเสีย ประเทศไทยในเรื่องการใช้กัญชาจะไม่แพ้ชาติใดในโลก เรามีเภสัขยุคใหม่ และมีตำรับยาที่ชาติอื่นไม่มี จากภูมปัญญาบรรพชน

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image