เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่จ.สุพรรณบุรี ความคืบหน้ากรณีนายเดชา ศิริภัทร หรือ อาจารย์เดชา ประธานมูลนิธิข้าวขวัญจัดกิจกรรมเดินเพื่อผู้ป่วย Cannabis Walk Thailand ล่าสุด มีอาสาสมัครจำนวนมากเดินทางมาช่วยคัดแยก จดหมายและเอกสารของผู้ป่วยที่ส่งมาถึงมูลนิธิ เพื่อขอรับน้ำมันสกัดกัญชารักษาโรคต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่ โดยมีการจำแนกตามโรค อาทิ โรคมะเร็ง ตามระยะ โรคพากินสัน โรคสะเก็ดเงิน โรคซึมเศร้า ซึ่งมีการคัดแยกเอกสารทั้งแบบเอกสารจดหมาย และ ระบบออนไลน์ ล่าสุด มีผู้ป่วยรวมกว่า 50,000 ราย
อาสาสมัครรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากทีมงานอาสาสมัครมาช่วยอาจารย์เดชารับเรื่องของผู้ป่วยที่ส่งจดหมายถึงอาจารย์จำนวนมากนั้น ได้อ่านจดหมายทุกฉบับ ซึ่งทำให้ิาสาสมัครร้องไห้ทุกวัน เนื่องจากบางคนเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตที่ล้มป่วย และรอคอยความหวังในการรักษาเพราะฐานะทางบ้านยากจน และ อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะต้องมีครอบครัว ลูกที่ต้องดูแล และเมื่อติดต่อกลับไป พบหลายรายเสียชีวิตไปแล้ว โดยญาติได้แจ้งว่าทนรอยาไม่ไหว ทำให้ทุกคนเสียใจและคิดว่าหากเรามียาของอาจารย์เดชา จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกมาก
นายเดชา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของตำรับยาที่เข้าจะเข้ากระบวนการถูกต้องตามกฎหมายและกระทรวงสาธารณสุขนั้น จากกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการประชุมพิจารณาต่อไป หลังสูตรยาน้ำมันสกัดกัญชาผ่านขั้นตอนกรรมการพิจารณาไป 1 ชุด ยังเหลือกรรมการอีก 2 ชุด คงต้องรอการพิจารณาต่อไป ตอนนี้มูลนิธิขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการผลิตยา แจกจ่ายฟรี ให้ผู้ป่วย เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบในการผลิต เพราะกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 จึงไม่สามารถปลูกได้หรือผลิตได้ ต้องรอการเปลี่ยนกฎหมาย เพื่อให้กัญชาใช้ทางการรักษาโรค ซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไร 
“ตอนนี้สิ่งที่จะทำเพื่อผู้ป่วยได้ คือ การขอวัตถุดิบกัญชาจากปปส. ที่จะใช้ในการผลิตยาได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบสารปนเปื้อน ก็ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่อย่างไร หรือได้เท่าไร หากเราสามารถมีวัตถุดิบมาผลิตยา สัก 5 ตัน จะสามารถผลิตยาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยนั้น แจกจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนคน โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยกำลังรอความหวัง ตอนนี้หลายรายที่รอยารักษาไม่ไหวเสียชีวิตไปแล้ว โดยอาสาสมัคร ได้อ่านจดหมายและพยายามติดต่อกลับไป ญาติแจ้งกลับมาว่ารอยาไม่ไหวแล้ว เสียชีวิตไปแล้ว เราทุกคนรู้สึกเสียใจ แต่เราไม่สามารถผลิตยาได้ เพราะไม่มีวัตถุดิบ
ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้ คือ คัดแยกเอกสารที่ผู้ป่วยลงทะเบียนมา ทั้งทางออนไลน์และจดหมาย5 หมื่นราย มีมาทุกวัน คัดแยกให้เป็นระบบ เพื่อหากเราสามารถแจกจ่ายยาได้ จะดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน ตอนนี้ก็มีอาสาสมัครที่ไปร่วมเดินมาช่วยทำงานที่มูลนิธิ ขอขอบคุณทุกคนที่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้ป่วย ยังหวังว่า การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกฎหมาย และ กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งดำเนินการให้ไวที่สุด เพราะหากยิ่งช้า ผู้ป่วยยิ่งหมดความหวัง เพราะนี่คือทางเลือกของผู้ป่วย ในการรักษาโรคร้ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่” นายเดชา กล่าว
