“เครือข่ายผู้ปกครอง” มั่นใจมีเงินทอนอาหารกลางวัน ชี้ ป.ป.ช.ต้องจริงจัง อย่าแค่ตีข่าว

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นางสาวรุ่งนภา อาศัยสุข พร้อมนางสาวชุติกาญจน์ นนท์ขุนทด นักวิชาการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1 ) ในฐานะคณะกรรมการแบบติดตามผลการดำเนินงานของสถานศึกษาโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานจากกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษาตามแผนและระเบียบราชการตรวจสอบโรงเรียนในสังกัด สพป,นม. 1 จำนวนทั้งสิ้น 143 แห่ง ได้รับมอบหมายจากนายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง ผอ.สพป.นม. 1 ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบเก็บข้อมูลการดำเนินงานโครงการอาหารกลางวันฯ เพื่อนำรายงานต่อสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ

โดยมีนายปฏิพัทธ์ ทองเทียนวิเศษ ผู้อำนวยการ ร.ร อนุบาลนครราชสีมาพร้อมนางพรพนม คัมภิรานนท์ ครูหัวหน้างานโภชนาการ ฯ นำเยี่ยมชมความสะอาดคุณภาพภาชนะ วัตถุดิบ รายการอาหาร หลักโภชนาการตามโปรแกรม เมนูอาหารสำหรับวันพุธคือ ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ขาวไก่ ของหวานเฉาก๊วย จากนั้นได้ตรวจสอบการรายงานสรุปการใช้งบประมาณดำเนินงานโครงการอาหารกลางวัน ประจำวันที่ 10 ก.ค. นักเรียนรับบริการอาหารกลางวัน 4,426 คน คนละ 20 บาท รวมทั้งสิ้น 88,242 บาท แยกเป็นค่าอาหารสด 69,180 บาท ค่าเครื่องปรุง 11,205 บาท ค่าแรงแม่ครัว 7,857 บาท

นายปฏิพัทธ์ เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการอาหารกลางวันได้จัดแบ่งครูทำหน้าที่ต่างๆ ประกอบด้วย ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจสอบวัตถุดิบ เน้นความสด น้ำหนัก คุณภาพและฝ่ายประกอบอาหาร ทุกขั้นตอนครูที่ทำหน้าที่ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายผู้ปกครองร่วมสุ่มตรวจด้วย ต่อไปจะมีชี้แจงรายละเอียดการจัดซื้อวัตถุดิบของแต่ละเมนูติดประกาศไว้และแชร์ทางกลุ่มไลน์ของเครือข่าย เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ส่วนที่เห็นครูและบุคลากรนั่งกินอาหารร่วมกับนักเรียน ข้อเท็จจริงได้จัดเก็บเงินครูรายละ 500 บาทต่อเดือน หากเป็นบุคลากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท เรียกเก็บรายละ 300 บาท นักศึกษาฝึกประสบการณ์ 200 บาท

นายอัคคชา พรหมสูตร อุปนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา กล่าวว่า การทุจริตโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนประถมในเขตเมือง นครราชสีมา ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อยุคสมัย 3-4 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษก็เคยมีข่าวให้นักเรียนกินไข่ครึ่งใบ ต้มยำมีแต่ผัก เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเสนอสู่สาธารณชน ในฐานะที่ตนเป็นอุปนายกสมาคม ฯ ร.ร อนุบาล ฯ เกิดความไม่สบายใจ ฝากถึงสื่อและสังคมต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ตนเชื่อมีเงินทอนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ป.ป.ช.ซึ่งเปิดประเด็นต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เอาคนผิดมารับโทษให้ได้ อย่าทำเพียงสร้างกระแสข่าวแล้วเงียบหายไป ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ตีเมืองขึ้น” มิเช่นนั้นจะเกิดข้อครหา ป.ป.ช อีก การทุจริตเรียกรับผลประโยชน์หากเป็นเรื่องอื่นๆ ก็พอรับได้ หากหักเงินทอนอาหารกลางวันนักเรียนที่เปรียบเสมือนลูกหลาน บาปกรรมจะตามทันชาตินี้อย่างแน่นอน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image