“ประธานบ.บัตรพลังงาน” เข้าพบ ตร.ขอนแก่นแล้ว ปฏิเสธไม่ได้หลอกใคร โบ้ยชาวบ้านซื้อขายกันเอง

สืบเนื่องจากชาวบ้าน บ้านศาลาดิน ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และชาวบ้านสามขา ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร หลงเชื่อ บัตรสมาร์ทการ์ด “Kartu Sakti” และ “Expertpro” หรือบัตร”พลังงาน” รักษาทุกโรค โดยอ้างสรรพคุณสุดวิเศษ สามารถใช้รักษาสารพัดโรคภัยไข้เจ็บด้วยวิธีพิสดารแค่ใช้แตะตามร่างกาย จุ่มน้ำดื่ม หรือวางใต้แก้วและนับ 1 ถึง 10 ก่อนยกดื่ม รวมถึงสามารถนำไปแปะติดอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือถังน้ำมันรถ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ โดยมีชาวบ้านหลงเชื่อจำนวนมาก ต่อมานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งยังตรวจสอบพบสารอันตรายที่อาจก่อความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย และชาวบ้านหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานถูกหลอกให้ตกเป็นเหยื่อแก๊งหลอกขาย “บัตรพลังงาน” ตามข่าวที่เสนอมาโดยตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นายธนัส สุรินทร์ ประธานบริษัท เอ็กเพิร์สโปร จำกัด พร้อมด้วย นายสินธนู เรียนพิศ ตัวแทนจำหน่ายบัตรพลังงาน ชาว อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และ นายธงชัย นายกชน ผู้ร่วมอบรม พร้อมทนายความของผู้ถูกกล่าวหา เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนในคดีบัตรพลังงาน ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ซึ่งมี พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น แจ้งความร้องทุกข์ในฐานะรัฐเป็นผู้เสียหาย ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีที่มีชาวบ้านหลงเชื่อซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดโดยระบุว่าเป็นบัตรพลังงาน อ้างสรรพคุณรักษาโรคได้ครอบจักรวาลโดยเฉพาะอาการปวดตามร่างกาย เมื่อนำบัตรไปแปะตามตัว หรือ นำแก้วน้ำมาวางทับ นับ 1 – 10 แล้วนำมาดื่ม จะทำให้อาการปวดเหล่านั้นทุเลาลง ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลงเชื่อซื้อไปในราคาใบละ 1,000-1,500 บาท ก่อนจะมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นบัตรธรรมดาไม่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคใดๆ พร้อมทั้งตรวจสอบพบว่ามีสารกัมมันตรังสีอยู่ภายในบัตรซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย

ต่อมา พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่นพ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และนายธนัส สุรินทร์ ประธานบริษัท เอ็กเพิร์สโปร จำกัด ได้มาแถลงข่าวในเรื่องดังกล่าวว่า โดย พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า บัตรพลังงานเกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคอีสานตอนบน บช.ภ.4 เป็นพื้นที่เกิดเหตุสามารถจะรวบรวมเป็นคดีเดียวก็ต้องรวมเป็นคดีเดียว โดย บช.ภ.4 เป็นเจ้าภาพในการสอบสวนสืบสวนในภาพรวมของภาค 4 ซึ่งขณะนี้อยู่ใน จ.มหาสารคาม นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ และ จ.ขอนแก่น มีผู้เสียหายร่วม 20 ราย การสอบสวนต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน พร้อมจะส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด ขณะนี้ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 คน ว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และผู้ต้องหามาตามหมายเรียก หลังสอบสวนเสร็จก็ต้องปล่อยตัวไปชั่วคราว และนัดหมายมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกคราวต่อไป

พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต กล่าวว่า วันนี้ผู้ต้องหาได้มาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บช.ภ.ขอนแก่น ซึ่งมี1. นายธนัท 2.นายสินธนุ 3.นายธงชัย โดย พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ในข้อกล่าวหาว่า “ร่วมฉ้อโกงประชาชน” คดีนี้พนักงานสอบสวนที่มี พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าชุดในคดีดังกล่าวได้รวบรวมพยานหลักฐานได้ครบหมดแล้วซึ่งพร้อมจะออกหมายจับได้ แต่เมื่อผู้ต้องหาทั้งสามคนได้มาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนในวันนี้ และกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ทั้ง 3 คน เพราะทั้งสามคนได้ขึ้นเวทีประชุมสัมมนาที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนที่มาร่วมประชุมสัมมนาซื้อบัตรอ้างว่าเป็นบัตรพลังงานรักษาโรค เมื่อหน่วยงานต่างๆตรวจพิสูจน์แล้วพบว่าบัตรพลังงานไม่สามารถรักษาอาการตามที่กล่าวอ้างได้ ซึ่งเป็นการร่วมฉ้อโกงประชาชน และทั้ง 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาเมื่อได้มาพบพนักงานสอบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ตามหมายเรียกก็ไม่มีเจตนาหลบหนี ก็คงต้องสอบสวนและปล่อยตัวไปตามวิอาญา และพนักงานสอบสวนจะติดต่อตามที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมในคราวต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้งสามคนยืนยันในสำนวน ว่า ไม่ได้หลอกลวงประชาชนขอปฏิเสธ ไม่ได้หลอกลวง ฉ้อโกง ตามที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหา

Advertisement

นายธนัส สุรินทร์ ประธานบริษัท เอ็กเพิร์สโปร จำกัด กล่าวว่า ข่าวที่ผ่านมาทำให้ตนเกิดความเสียหาย ดังนั้นขอชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมามีแต่ข่าวที่ไม่เป็นความจริง ไม่เคยถูกจับ และไม่เคยหลอกลวงประชาชน ส่วนบัตรพลังงานที่ประชาชนนำไปใช้นั้น เป็นบัตรของบริษัทอื่นที่วางทิ้งไว้ในบริษัท ประมาณ 1,000 ใบ จึงนำมาอ่านคุณสมบัตรต่างๆในบัตรดังกล่าว พบว่า สามารถนำมาแปะตามร่างกายในจุดที่มีอาการปวด เพื่อบรรเทาอาการปวด จึงนำมาทดลองใช้กับตัวเอง

ในส่วนที่ได้มีการจัดอบรบที่ อ.เขาสวนกวาง และมีข้อมูลว่ามีการขายบัตรนั้น ยืนยันบริษัทไม่ได้มีนโยบายในการให้นำไปขาย ส่วนตัวจึงไม่รู้เรื่องว่ามีการจำหน่ายภายในงานที่มีการอบรม และขอยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการซื้อขายบัตร อาจจะเป็นการตกลงกันของตัวแทน ซึ่งภายหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น บัตรที่เคยแจกไปให้กับสมาชิก 7,000 – 8,000 ใบนั้นได้มีการเรียกเก็บคืนให้ สคบ.ทั้งหมด

“ผมใช้กับตัวเอง โดยการแปะจุดที่มีอาการปวดได้ผลดี แต่ไม่ได้นำไปรักษาโรค และเห็นว่าบัตรวางทิ้งในบริษัทเฉยๆไร้ประโยชน์ จึงนำมาเป็นของแถมให้กับสมาชิกที่ซื้ออาหารเสริม ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำการอบรมสมาชิก จะแนะนำสมาชิกอะไรอย่างไรนั้น ไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากเทคนิคการขายตรง บางเรื่องก็อยู่เหนือการควบคุม อีกทั้งการที่สมาชิกซื้อบัตรจากพนักงานหรือเจ้าหน้าที่บริษัทไป และนำไปขายต่อให้กลับชาวบ้าน เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่ามีการจัดการหรือพูดคุยกัน เพราะโดยส่วนตัวก็รู้ว่าบัตรดังกล่าวไม่ใช่บัตรพลังงานที่รักษาโรคได้และขอยืนยัน ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมไม่ได้สั่งการให้ใครทำ ให้มีการซื้อขาย ผมไม่ได้หลอกลวงประชาชน ชาวบ้านซื้อขายกันเอง การเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนั้น ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มที่ และจะไม่หนีไปไหน แต่จะขอพึ่งกฎหมายและความยุติธรรม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ขอให้การปฏิเสธโดยยืนยัน ว่า บัตรพลังงานที่กำลังถูกตรวจสอบ เป็นบัตรที่ตนเองแถมฟรีให้กับตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น”นายธนัส สุรินทร์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image