ตำรวจขอนแก่นรวบชาวอินเดียก่อคดี ‘ฉ้อโกง’ จับต่างด้าวทำความผิดกม.กว่า 2 พันคน

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.  ที่กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 4 จังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 ร่วมแถลงการณ์จับกุมคดีสำคัญของกองบังคับการ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 4 มีรายสำคัญคือตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด จับกุมตัว MR.RAJESHWARI MANI (นายราเยสววาริ มานิ) ชาวอินเดีย อายุ 59 ปี ถือหนังสือเดินทางเลขที่ จ.201/2562 ลงวันที่ 8 ก.ค. 2562 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง”

ผบก.ตม.4 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ผู้ต้องหารายนี้ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวอินเดียด้วยกัน ให้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาเป็นจำนวน 800,000 บาท อ้างว่าจะนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการต่อวีซาของผู้ต้องหา จากนั้นได้ร่วมกับผู้ต้องหาเป็นหญิงชาวไทยอีกคน ถอนเงินออกจากบัญชีไปโดยทุจริต เหตุเกิดในพื้นที่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด คดีนี้เนื่องจากทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย เป็นชาวต่างชาติและผู้ต้องหาได้นำเรื่องการต่ออายุวีซ่ามาเป็นข้ออ้างในการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งผู้ต้องหารายนี้มีตรวจสอบประวัติแล้ว พบเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาหลายครั้ง จึงได้เร่งรัดให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

Advertisement

โดยทาง บก.ตม.4 ประสานข้อมูลของผู้ต้องหารายนี้ กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จนนำไปสู่การออกหมายจับ โดยฝ่ายสืบสวนได้ไปติดตามผู้ต้องหาที่บ้าน และที่พักอาศัยต่างๆ ของผู้ต้องหาซึ่งมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ปรากฎว่าไม่พบตัวผู้ต้องหา จึงได้เช็ดพิกัดการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหา ก็พบเส้นทางการเดินทางของผู้ต้องหา ประกอบกับจากการข่าวสืบทราบว่าผู้ต้องหากำลังจะเดินทางหนีออกนอกประเทศ ในวันที่ 12 ก.ค.62 จึงได้ประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยาน ทั่วประเทศ จนกระทั่งเมื่อเช้าวันที่ 12 ก.ค. สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะที่กำลังจะเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ ไปกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 สามารถจับกุมชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 883 ราย อยู่ในราชอาณาจักรโดยใบอนุญาตสิ้นสุดจำนวน 28 ราย, ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 44 ราย, จับตามหายจับ 13 ราย และความผิดตามกฎหมายอื่นๆ 927 ราย รวมทั้งสิ้น 2,117 ราย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image