หลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบเสาไฟ หาสาเหตุชอร์ต 2 หนุ่มนักบาส ญาติจี้หาสาเหตุ หาแนวทางป้องกัน

จากกรณีเกิดเหตุ 2 วัยรุ่น ซึ่งมาออกกำลังกายและถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ต จนเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดภายในสนามบาสเกตบอล สวนสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (สวนหลวง ร.9) ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต โดยเหตุเกิด เมื่อเวลาประมาณ 18.30น.ของวันที่ 13 ก.ค.62 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันนี้ (15 ก.ค.62) ร.ต.อ.อนุวรรตน์ รักษายศ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.วชิรา ละเอียดศิลป์ ผกก.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต, วิศวกรและเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต, ตัวแทนจากเทศบาลนครภูเก็ต, ตัวแทนบริษัทเอ้าท์ซอสซึ่งดูแลระบบไฟฟ้าภายในสวนหลวง ร.9, เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และนายชัยยศ ปัญญาไวย อดีต ส.ว.ภูเก็ต (ญาติผู้เสียชีวิต) ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในสนามบาสเกตบอล โดยเฉพาะบริเวณเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นเหตุของการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ทั้งนี้ วิศวกรไฟฟ้าฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบบริเวณเสาไฟฟ้าที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า ได้มีการดำเนินการต่อสายไฟฟ้าใหม่แล้วหลังเกิดเหตุ และจากการเปิดสายเทปฉนวนหุ้มสายไฟที่มีการต่อใหม่ พบว่ามีรอยไหม้ติดอยู่ที่สายไฟ แต่ไม่ทราบว่ารอยไหม้นั้นเกิดขึ้นนานหรือยัง นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบสายลงดิน ซึ่งต่อจากนอตยึดเสาไฟ ลงไปแท่งกราวด์ที่ปักลงไปในดิน เพื่อวัดค่าต้านทาน และการยึดนอตของฐานเสาไฟว่ามีการยึดแน่นหรือไม่ และยังมีการวัดการกระจายตัวของกระแสไฟฟ้าของเสาไฟฟ้าส่องสว่างภายในสนามบาสฯ ซึ่งมีรวมทั้งหมด 6 ต้น แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด บอกเพียงว่า จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับทางพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ

Advertisement

ขณะที่นายชัยยศ ปัญญาไวย อดีต สว.ภูเก็ต (ญาติผู้เสียชีวิต) กล่าวภายหลังร่วมติดตามการเก็บหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ฯ ว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนของคดีความ สิ่งที่ต้องการทราบ คือ สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร เป็นความประมาทหรืออุบัติเหตุ เพื่อหาทางป้องกันต่อไป โดยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานและสรุปสำนวนว่าเป็นอย่างไรเกิดจากความประมาทจริงหรือไม่ และอยากให้การตายของน้องนิ้กกี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลนครภูเก็ตเท่านั้น แต่หมายถึงทั้งจังหวัดภูเก็ต โดยให้แต่ละท้องถิ่นที่รับผิดชอบพื้นที่สาธารณะต่างๆ เข้าไปตรวจสอบดูแลว่าสถานที่ใดสุ่มเสี่ยงต่อกรณีในลักษณะที่จะในสนามบาสฯ สวนหลวง ร.9 ดังกล่าว และให้รีบดูแลป้องกัน
ส่วนที่ 2 ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาโดยตลอด คือ การเข้าไปดูแลช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ เพราะจากคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ของน้องนิกกี้ ได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าไปช่วยทำ CPR ด้วยมีความรู้เบื้องต้น แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน ต้องรอรถพยาบาลเข้ามา ทราบว่าใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงมาถึงและสายเกินไป ดังนั้นสิ่งที่ต้องการเรียกร้องด่วนที่สุด คือ มาตรการในการป้องเหตุเป็นอันดับแรก
นายชัยยศ กล่าวยอมรับว่า ในส่วนของคดีความนั้นก็ยังมีประเด็นที่ติดใจ เพราะจากการที่ได้เข้าไปสังเกตการณ์การตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบถามสาเหตุในเบื้องต้น พบว่าข้อเท็จจริงยังมีความย้อนแย้ง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า เกิดจากตัวแมลงที่เรียกว่าชันโรงหรืออุงเข้าไปทำรัง แต่เบื้องต้นที่เห็นด้วยสายตาตัวเอง คือ ข้อต่อสายไฟฟ้าในเสาไฟไปกระทบกับตัวเสาไฟแล้วเกิดไฟรั่ว และประเด็นที่ 2 คือ สายกราวด์ลงดิน เห็นได้ชัดว่า ข้อต่อหลวม และสายที่ต่อลงดินสั้น ไม่ได้มาตรฐาน และจากการตรวจสอบค่าต้านทานก็เกิดกว่ามาตรฐานที่กำหนด สอบถามทางเจ้าหน้าที่เบื้องต้น พบว่าการดำเนินการไม่ได้มาตรฐาน มีความผิดพลาดและน่าจะเป็นความประมาท ซึ่งก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่า เป็นความรับผิดชอบของใครบ้าง
อย่างไรก็ตาม นายชัยยศกล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุมีคำถามเข้ามาค่อนข้างมากว่าทางเทศบาลนครภูเก็ตได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรบ้าง เบื้องต้นได้มีการเข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องการรักษาพยาบาล การและจัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนการเยียวยาหรือการช่วยเหลือในทางแพ่งนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน เนื่องจากขณะนี้เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต และการจะพูดถึงเรื่องของการเรียกค่าความเสียหายจะเร็วเกินไป ฉะนั้นขอให้ได้ข้อยุติในเรื่องเท็จจริงทางคดีอาญาก่อนจึงจะเข้าสู่กระบวนการพูดคุยเรื่องค่าเสียหาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image