เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งใน จ.อุทัยธานี ได้ทวีความรุนแรงแทบทั่วทุกพื้นที่ ด้วยสภาวะฝนที่ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลให้การเพาะปลูกข้าวนาปีได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง ทยอยยืนต้นตายจำนวนมาก เช่น ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านดอนหวาย ต.บ่อยาง อ.ไผ่เขียว จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำบลที่นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่เศษ
ดต.ถวัลย์ ชูเรือง นายก อบต.บ่อยาง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ ต.บ่อยาง ตั้งแต่ปลูกข้าวนาปีในครั้งนี้ก็แทบไม่มีฝนตกลงมา นาข้าวขาดน้ำ ทยอยยืนต้นตายต่อเนื่อง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เกษตรมีแหล่งกักเก็บน้ำแทบทุกราย รวมทั้งในช่วงหน้าฝนก็หวังว่าฝนจะตกลงมาเหมือนทุกปี ทว่าปีนี้ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปขอให้อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ซึ่งรับน้ำจาก อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ มาแล้ว ซึ่งก็ปล่อยน้ำมาให้ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำที่ปล่อยมากลับมาแทบไม่ถึงในพื้นที่ เนื่องจากน้ำต้องผ่านตำบลข้างเคียงซึ่งทำนาเช่นเดียวกัน
ด้านชาวนาในพื้นที่หมู่ 7 บ้านดอนหวาย ต.บ่อยาง อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี ซึ่งบางรายเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ปีนี้ในพื้นที่ไม่เหลือแหล่งน้ำที่จะมาช่วยนาข้าวอายุ 2-3 เดือนนี้ได้เลย ทำให้นาข้าวทยอยแห้งตายลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนก็พากันทำใจไว้แล้วว่าข้าวนาปีรอบนี้ต้องเสียหาย ขาดทุนจนหมดแน่นอน แต่สิ่งที่กำลังกังวลกันมากที่สุดก็คือ ภาระหนี้สินที่ไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อมาลงทุนทำนา เพราะเมื่อข้าวขาดน้ำตายจนหมดแล้วก็ไม่เหลือทั้งทุน ไม่เห็นผลกำไร จนไม่รู้ว่าจะไปหาเงินจากทางไหนคืนให้กับทางธนาคาร อยากให้รัฐบาลลงมาดูแลช่วยเหลือเยียวยาชาวนาบ้าง อย่างน้อยพอได้มีเงินไปส่งคืนกับทางธนาคารบ้างก็ยังดี
