เมื่อเวลา 09.30น. วันที่ 3 สิงหาคม 2562 ที่บ้านหนองสะแบง หมู่ 6 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่เกษตรประสบภัยแล้งใน จ.ขอนแก่น โดยมี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมนายทรงพันธ์ จันทร์สว่าง เกษตรจังหวัดขอนแก่น นายเรืองโชค ชัยคำรงค์กุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานขอนแก่น นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ขอนแก่น นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ นายอำเภอพล และเกษตรกร อ.พล ให้การต้อนรับและร่วมประชุมกัน
นายประภัตรได้รับฟังรายงานสถานการณ์ ซึ่งพื้นที่เกษตร อ.พล ประสบภัยแล้งอย่างหนัก รวมทัั้งขาดน้ำอุปโภคและน้ำบริโภค ทำให้นาข้าวของเกษตรกรเหี่ยวเฉาใกล้ตาย เนื่องจากไม่มีฝนตกมานานกว่า 2 เดือน ชาวบ้านได้แต่รออิทธิพลจากพายุวิภาเมื่อวันที่ 2-3 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีฝนตกลงมามีเพียงลมพัดแรงเท่านั้น หากฝนไม่ตกลงมาจะทำให้นาข้าวของอำเภอพลกว่า 2 แสนไร่ จะยืนต้นตายเสียหายทั้งหมด
นายประภัตรกล่าวว่า คณะผู้ว่าฯพามาตรวจเยี่ยม อ.พล ซึ่งประสบปัญหาภัยแล้งอย่างมาก ขาดน้ำกินน้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร ทำให้นาข้าวเสียหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ประมาณ 2 แสนไร่ รัฐบาลเป็นห่วงมาก เมื่อผู้ประสบภัยแล้งต้องการน้ำ จึงสั่งการให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจัดหาน้ำให้ผู้ประสบภัย และกรมบาดาลยืนยันว่า พื้นที่บ้านหนองสะแบง หมู่ 6 ต.เพ็กใหญ่ สามารถเจาะหาน้ำบาดาลให้ได้ภายใน 5-10 วัน โดยขุดบ่อบาดาล 1 บ่อ กับใช้น้ำบาดาลใน 100 ไร่ 5 บ่อ ให้นาข้าวที่กำลังใกล้ตายฟื้นคืนชีพขึ้นมา
“แนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย โดยมีตลาดนำหน้า ใน จ.ขอนแก่น พร้อมลอกบึงใหญ่ 2 บึง พื้นที่บึงละ 1,500 ไร่ ในงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ใน อ.พล ตลอดไป ซึ่งมีผู้ว่าฯรับผิดชอบโดยตรง ถ้าตรงนี้ประสบความสำเร็จถือว่าเป็นโมเดลขอนแก่นแก้ปัญหาภัยแล้ง จะนำไปทำในทุกอำเภอของจังหวัดให้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดไป” นายประภัตรกล่าว
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมของจังหวัด มีเกษตรกรทำนาข้าวประมาณ 2.1 ล้านไร่ เมื่อจังหวัดประสบภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้นาข้าวเสียหายประมาณ 1.5 ล้านไร่ จังหวัดจึงรวบรวมความเสียหายของเกษตรกรที่ทำนาข้าวเกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วง เป็นรายหมู่บ้านในแต่ละอำเภอ ซึ่งจะมีประชุมกันในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เพื่อประกาศภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วง โดยมีพื้นที่โดยรวมต้องประกาศภัยแล้ง(ฝนทิ้งช่วง) 23 อำเภอ จาก 26 อำเภอ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือในเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน
