เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ที่โรงเรียนวัดต้นปลง หมู่ที่ 1 บ้านคลองชี ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ตรัง และเครือข่ายคนปราบโกง เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม สุ่มตรวจอาหารกลางวันโรงเรียนตามที่ชาวบ้านร้องเรียน ให้หน่วยงาน ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ตามที่มีการตั้งข้อสงสัย ซึ่งพบว่าอาหารของเด็กอนุบาลมีเพียง 1 อย่างและข้าวต้มมัด 1 ห่อเท่านั้น ขาดเมนูตับสุก ตามเมนูอาหารกลางวันนักเรียนที่แจ้งเอาไว้ แต่มีผลไม้ตามฤดูกาล แต่ทางโรงเรียนแจ้งว่าในช่วงบ่ายจะมีผลไม้แจกให้เด็กรับประทานอีกครั้ง เพราะหากให้ไปพร้อมกับอาหารมื้อเที่ยงวัน เด็กจะไม่กินเอาไปทิ้งเสียมากกว่า จะได้รับประทานจริง
ขณะที่นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในการลงตรวจเยี่ยมในเรื่องอาหารกลางวันของโรงเรียนเป็นไปตามนโยบายของทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ ป.ป.ช.ในระดับพื้นที่ได้ลงตรวจอาหารกลางวันของนักเรียน สืบเนื่องจากที่เราได้เห็นตามสื่อต่าง ๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของอาหารกลางวันเด็กนักเรียนบางทีไม่เป็นไปตามหลักของโภชนาการ อาหารไม่ได้คุณภาพ ซึ่งทาง ป.ป.ช.จังหวัด ได้เลือกสุ่มลงโรงเรียนวัดต้นปลง หมู่ที่ 1 บ้านคลองชี ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เพื่อดูในเรื่องของการจัดการอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 1,000 กว่าคน ข้อมูลเบื้องต้นในเรื่องค่าอาหารกลางวันต่อ 1 วัน ใช้งบกว่า 20,000 บาท ก็พบว่าจากเมนูที่ทางโรงเรียนจัดสรรตามระบบของโปรแกรมเมนูไทยสคูลลั้น ก็จะเห็นว่าอาหารของเด็กอนุบาลขาดบางอย่างไป เพราะระบุว่ามีตับด้วยแต่ปรากฏว่าไม่มีรายการดังกล่าว
นายราม กล่าวว่า แต่ทั้งนี้ต้องประสานกับทางหน่วยงานที่กำกับดูแล ให้ทางโรงเรียนช่วยรายงานข้อเท็จจริงมาว่าอย่างไรในเบื้องต้นก่อน ซึ่งทั้งนี้ต้องไปดูข้อมูลและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือเปล่า หรือเกิดจากสาเหตุอะไรที่รายการเมนูอาหารมีไม่ครบเฉพาะวันนี้ที่ลงพื้นที่ตรวจพบ ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอาหารกลางวัน ทางกรมบัญชีกลางให้แบ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.โรงเรียนซื้อวัตถุดิบและปรุงเอง2.โรงเรียนซื้อวัตถุดิบมาจ้างผู้รับจ้างทั้งซื้อและจ้าง 3.จ้างผู้รับเหมาแล้วรับมาได้เลย ทางโรงเรียนวัดต้นปรงอยู่ในวิธีที่ 3 ซึ่งทางโรงเรียนมีสิทธิในการที่จะเลือกในประเด็นนี้อยู่แล้ว
“แต่ส่วนรายละเอียดลึก ๆข้างในต้องไปดูกระบวนการทางเอกสารอีกทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นสามารถเลือกวิธีการที่ 3 ได้ ทางโรงเรียนมีขนาดใหญ่งบประมาณค่อนข้างจะเยอะ ย่อมมีสิทธิเลือกวิธีการได้มากกว่าโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะโรงเรียนขนาดเล็กต้องจำกัดงบประมาณ ในเบื้องต้นยังไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้เพราะการลงสำรวจครั้งนี้เป็นการลงมาสังเกตการณ์ ไปสุ่มตรวจ ไปตรวจเยี่ยม เรายังไม่สรุปได้ว่ามีการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือเปล่า ยังต้องขอตรวจสอบข้อมูลอื่น ๆ อีกให้รอบด้านก่อน จึงจะมีการชี้ชัด” นายราม กล่าว