เกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดไผ่ขวาง อำเภอราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็วทำให้ศาลาการเปรียญที่มีอายุกว่า 60 ปีวอดทั้งหลัง ขณะที่พระในวัดต้องช่วยกันหามเจ้าอาวาสที่อาพาธออกมาจากกุฏิอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหาน้ำช่วยกันดับไฟ สุดท้ายเจ้าหน้าที่มาถึงระดมฉีดน้ำกว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร รอเพลิงสงบส่งกองวิทยาการเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 8 สิงหาคม ร.ต.อ.เอนก ศีลมั่น ร้อยเวรสอบสวน สภ.ราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดไผ่ขวาง เลขที่ 1 หมู่ 3 ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงประสานรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบางคล้า เทศบาลตำบลปากน้ำ อบต.เมืองใหม่ เทศบาลตำบลพนมสารคาม เทศบาลตำบลเกาะขนุน อบต.พนมสารคาม รวม 7 คันเข้าระงับเหตุเพื่อควบคุมเพลิง
ที่เกิดเหตุเป็นศาลาการเปรียญ ภายในศาลายังเป็นกุฎิของพระสงฆ์ รวมทั้งหอฉัน โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้ บริเวณกุฏิสงฆ์ห้องที่ 3 ก่อนจะลุกลามจนไหม้หมดศาลาการเปรียญทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกโดยรอบ กำลังส่วนหนึ่งได้ฉีดน้ำเพื่อให้เพลิงสงบ แต่เนื่องจากศาลาการเปรียญเป็นอาคารไม้ทำให้ไฟลุกติดง่าย จึงต้องใช้เวลาควบคุมเพลิงนานกว่า 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ฉีดน้ำเลี้ยงอาคารโดยรอบ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนและประกายไฟกระเด็นลุกลามไปติดศาลาอื่น
พระครูวิบูลโชติธรรม เจ้าคณะอำเภอราชสาส์น เจ้าอาวาสวัดไผ่ขวาง เปิดเผยว่า ศาลาการเปรียญนี้ ลักษณะครึ่งไม้ครึ่งปูน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2515 โดยวัดไผ่ขวางมีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา อยู่ในวัดจำนวน 9 รูป โดยช่วงเช้ามืดก่อนเกิดเหตุพระสงฆ์ทุกรูป จะมาทำวัตรเช้าที่หอฉัน ด้านหน้าศาลาการเปรียญหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งตนอาพาธอยู่ในกุฏฺิ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคล้ายไฟฟ้าลัดวงจรดังเปี๊ยะๆ อยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนจะเกิดกลุ่มควันและเพลิงไหม้
ขณะที่พระลูกวัดเล่าเพิ่มเติมว่า ในช่วงนั้นพระสงฆ์ที่กำลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าอยู่เห็นกลุ่มควันลอยออกมา จึงเปิดเข้าไปดูในกุฏิ ก็พบว่าไฟไหม้จึงช่วยกันใช้น้ำดับ แต่เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว พระสงฆ์ลูกวัดจึงช่วยกันรีบนำหลวงพ่อที่ป่วยอาพาธอยู่ในกุฏิ ห่างจากกุฏิที่เกิดเหตุ 2 ห้อง ออกมาด้านนอกอย่างทุลักทุเล ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลือ
ร.ต.อ.เอนก ศีลมั่น ร้อยเวรสอบสวน สภ.ราชสาส์น เปิดเผยว่า ในส่วนของสาเหตุ หลังจากเพลิงสงบจะเข้าตรวจสอบในเบื้องต้นคาดว่า สายไฟในวัดที่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนานอาจหมดอายุจนเกิดความร้อน ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร แต่อย่างไรก็ตาม จะให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ หาสาเหตุของการเกิดเพลิงลุกไหม้ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป