ส.ส.ประจวบฯจ่อยื่นกระทู้ถามสดมาตรฐานสันอ่างเก็บน้ำมรสวบใช้งบ 37.9 ล้าน สร้าง-ซ่อมนาน 5 ปีไม่เคยใช้งานจริง
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เตรียมยื่นกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำและผู้บริหารในระบบราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีคำตอบที่ชัดเจน สร้างความมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำอ่างเก็บน้ำมรสวบที่ หมู่ 4 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน ว่า สภาพสันอ่างมีการก่อสร้างตามมาตรฐานที่ออกแบบไว้ และใช้วัสดุก่อสร้าง หรือการทำสัญญาจ้างเป็นตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ หลังจากนี้การซ่อมอ่างเก็บน้ำจะมีความคงทนแข็งแรงหรือไม่อย่างไร เนื่องจากสันอ่างทรุดยาว 15 เมตรลึก 5 เมตร ทั้งนี้ น้ำไม่เต็มความจุเพราะมีสันทรายตื้นเขิน หรือจะต้องให้ประชาชนอยู่ในภาวะความเสี่ยงต่อไป
“หลังจากปี 2557 เริ่มมีการก่อสร้างใช้งบมากถึง 37.9 ล้านบาท สร้างเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 แต่ถึงปัจจุบันไม่เคยใช้งานได้จริง ประชาชนต้องเดือดร้อนขาดน้ำกินน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง เมื่อถึงฤดูฝนน้ำเต็มอ่างก็มีปัญหาสันอ่างทุรดโดยไร้สาเหตุ และหลายฝ่ายข้องใจว่าในปัจจุบันภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับกรมชลประทาน สังกัดกระทรวงเกษตรฯมีความซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ในการจัดสร้างแหล่งน้ำ” นายประมวลกล่าว
นายธงชัย เพชรสกุลทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน กล่าวว่า หลังจากเทศบาลประสบภาวะวิกฤตจากปัญหาขาดแคลนน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศที่ชายหาดบ้านกรูด ล่าสุดยืนยันว่ายังมีความจำเป็นต้องจ่ายน้ำเป็นเวลา ขณะที่เดิมได้วางแผนการใช้น้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำมรสวบ เพื่อผลิตน้ำประปา โดยกรมทรัพยากรน้ำได้จัดสรรงบวางท่อน้ำดิบยาวกว่า 20 กิโลเมตรถึงเขตเทศบาล และจะสิ้นสุดสัญญาจ้างภายในเดือนสิงหาคมนี้ เทศบาลคาดว่าจะปล่อยน้ำประปาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ภายในเดือนตุลาคมนี้
“ล่าสุดพบว่าสันอ่างมรสวบชำรุดหนัก ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ที่ความจุสูงสุด 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ผู้รับเหมาจะต้องใช้เวลาซ่อมอีกไม่น้อยกว่า 6 เดือน หลังจากซ่อมมาแล้ว 3 ปี ทำให้แผนงานที่กำหนดไว้มีปัญหาเป็นอย่างมาก ขณะที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตน้ำประปาสูงขึ้น จากการใช้รถสูบน้ำระยะไกลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้ามาสนับสนุนเพื่อให้มีน้ำดิบ สำหรับผลิตน้ำประปา เทศบาลต้องจ่ายต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงวันละ 10,000 บาท ค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ ปภ.จนกว่าจะมีน้ำดิบเพียงพอ” นายธงชัยกล่าว
