จากกรณีสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและสื่อมวลชนจังหวัดพัทลุง ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีสื่อในพื้นที่ถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ เวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่มีส่วนได้เสียกับการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุง จัดเปิดเวทีเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2562 ณ มัสยิดอัสซอลีฮีน หมู่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง พร้อมได้มีการเรียกร้องให้ทางจังหวัดตรวจสอบการเปิดเวทีของสำนักงานอุตสาหกรรมว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร
ล่าสุด วันที่ 14 ส.ค. นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากสื่อมวลชน ทางสำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัดพัทลุงได้บันทึกรายงานการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในพื้นที่ที่มีส่วนได้เสียในการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง มายังจังหวัดแล้ว แต่เมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเอกสารที่ทางสำนักงานอุตสาหกรรมทำเรื่องรายงานมายังจังหวัดข้อมูลยังคลุมเครือ ไม่มีความกระจ่าง มีข้อสังเกตหลายกรณี ทั้งเรื่องประชากรในพื้นที่ ที่มีจำนวน 760 ครัวเรือน แต่มาร่วมเวทีเพียงแค่ 65 ครัวเรือน ซึ่งดูแล้วน้อยจนผิดสังเกตแม้กฎหมายจะกำหนดว่าผู้เข้าร่วมเวทีจะกี่ครัวก็ได้ ทั้งจากการตรวจสอบของทางจังหวัดยังพบว่ามีการกีดกัน ไม่ให้หลายครอบครัวเข้าร่วมในเวที แม้กระทั่งผู้สื่อข่าวยังถูกกีดกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต ซึ่งการกีดกันในลักษณะดังกล่าวเชื่อว่าเพื่อไม่ให้มีการรายงานเรื่องการคัดค้านไปยังอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี ในเย็นวันนี้ ทางจังหวัดได้เรียกพบเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนกระบวนการทั้งหมดว่าสำนักงานอุตสาหกรรมทำครบถ้วนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการส่งหนังสือ กระบวนการปิดประกาศ หรืออื่นๆ ตามระเบียบกำหนด เบื้องต้นเชื่อว่ากระบวนการอาจจะไม่ครบถ้วน หรือครบถ้วนแต่อาจจะไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องส่งหนังสือที่ไม่ถึงมือของชาวบ้านที่เชื่อว่าจะมีการคัดค้าน เพราะมีชาวบ้านร้องมาว่า ไม่ได้รับหนังสือ
อย่างไรก็ดี หากตรวจสอบทั้งหมดแล้ว การเปิดเวทีไม่สมบูรณ์ก็จะต้องมีการยกเลิก เมื่อมีการยกเลิก ก็จะต้องมีการเปิดเวทีใหม่ภายใน 60 วัน ที่สำคัญจะต้องหารือดูระเบียบว่า หากจำต้องมีการยกเลิกเวที จริงๆ อยู่ในอำนาจของ ผวจ.หรือไม่อย่างไร หาก ผวจ.มีอำนาจก็สามารถสั่งการได้เลย แต่หากในระเบียบอำนาจไม่ได้อยู่ที่ ผวจ. ทางจังหวัดก็จะต้องรีบทำเรื่องหารือไปยังผู้ที่มีอำนาจโดยตรงต่อไป เพื่อให้ทันกรอบของเวลา
ในส่วนเรื่องความปลอดภัยของสื่อมวลชน ทางจังหวัดได้มีการเน้นย้ำไปยัง ตำรวจภูธรจังหวัดและทางอำเภอ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ พร้อมให้มีการติดตามการขับเคลื่อนในเรื่องขอประทานบัตร อย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด พร้อมทั้งได้มีการประสานไปยัง กอ.รมน. ให้เชิญตัวแทนของบริษัท และผู้ที่คุกคามสื่อมาพูดคุย ทำความเข้าใจว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกโดยเด็ดขาด
