เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกลุ่มไลน์ตำรวจและเฟซบุ๊กต่างๆ ได้มีการส่งภาพเป็นหนังสือฉบับหนึ่ง เรียน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าชี อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เรื่อง แจ้งคำสั่งยุติการดำเนินการคดี
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตามที่ ผกก.สภ.ท่าชี ส่งสำนวนคดีอาญา เรื่อง ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และกระทำผิดรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเห็นว่าควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ นั้น
เนื้อหาในหนังสือระบุอีกว่า คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดเวียงสระ ได้มีคำสั่งยุติการดำเนินคดี เพราะผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามมาตรา 39 (1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงแจ้งให้ทราบ ให้ท่านแจ้งแก่ผู้ร้องทุกข์ และผู้ต้องหาทราบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เขียนในท้ายหนังสือฉบับเดียวกันเสนอความเห็นนำเสนอถึง ผกก.สภ.ท่าชี ระบุ เพื่อโปรดทราบ ผู้ต้องหาถึงแก่ความตายแล้ว คดียุติลงสารบบคดีต่อไป ภายหลัง พ.ต.อ.ชาญยุทธ เรืองดิษฐ์ ผกก.สภ.ท่าชี ได้เขียนด้วยลายมือแทงหนังสือกลับมาว่า ดำเนินการตามเสนอและแจ้งผู้กล่าวหาทราบ ส่วนผู้ต้องหาให้จุดธูปบอกกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อตำรวจได้รับหนังสือตอบกลับจาก ผกก.สภ.ท่าชี ยังตัดสินใจไม่ถูกจะแจ้งผู้ต้องหาทราบ ตามคำสั่ง ผกก.และตามหนังสือพนักงานอัยการอย่างไร ซึ่งตำรวจและประชาชนทั่วไปที่เห็นภาพหนังสือดังกล่าวบางคนเสนอแนะด้วยอารมณ์ขันว่า ผกก.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ควรจะไปแจ้งบอกกล่าวกับผู้ต้องหาด้วยตัวเอง
สำหรับเรื่องราวทางคดีนั้น เป็นเรื่องของหญิงสาววัยกลางคนรายหนึ่ง ในจ.สุราษฎร์ธานี หลังจากเข้าแจ้งความเอาผิดกับสามีตัวเอง โดยอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสามีเกิดเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปจึงไปผูกคอตัวเองเสียชีวิต ทำให้พนักงานอัยการต้องสั่งยุติการดำเนินคดีตามกฎหมาย
