ด.ช. ป.4 ไปโรงเรียนแล้วหลังไม่เรียน 5 วัน เหตุกลัวครูตี ผอ.เขต 1 แก้ไขปัญหาจบด้วยดี

เด็กชาย ป.4 ไปโรงเรียนแล้วหลังไม่เรียน 5 วัน..เหตุกลัวครูตี บิดหู ขว้างหนังสือใส่  ผอ.เขต 1 ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาและจบลงด้วยดี

จากกรณี นางจันทรา กระแสโสม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 11 ต.กาเกาะ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นป้าของเด็กนักเรียนชาย อายุ 10 ปี ชั้น ป.4 รายหนึ่ง ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนประจำ จ.สุรินทร์ ว่าหลานชายถูกครู ใช้มือตีที่หลัง ทำโทษ บิดหู และยังขว้างหนังสือใส่ และมีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้ง จนทำให้หลานชายไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะกลัวครูตี

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายคำปุ่น บุญเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ได้ลงพื้นที่ประชุมทำความเข้าใจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กับผู้ปกครอง ประธานกรรมการสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา คณะครูและผู้นำชุมชน จนเกิดความเข้าใจที่ดีร่วมกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนเกิดจากความตั้งใจของครูผู้สอน ที่อยากให้เด็กได้ดี มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้ปกครองหรือยายของเด็กกับครูผู้สอนที่เกิดปัญหาก็มีความเข้าใจกันดีแล้ว ขณะที่เด็กคนดังกล่าวพบว่า วันนี้ได้เดินทางไปเรียนหนังสือตามปกติเป็นวันแรกแล้ว หลังจากไม่ยอมไปโรงเรียน 5 วัน และยังมีอารมณ์แจ่มใส มี อัธยาศัยดี มีการพูดคุยหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆและบรรดาครูที่เข้าสอนในแต่ละรายวิชา อย่างเป็นกันเองอีกด้วย

นายคำปุ่น  กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้ลงพื้นที่ไปรับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งมีทั้ง ผอ.โรงเรียน ครูคู่กรณี คุณยายของเด็ก คุณป้าซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งเด็กอยู่กับคุณยาย ส่วนคุณแม่ไปแต่งงานใหม่ไม่ได้อยู่ดูแล มีประธานกรรมการสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน  ทุกคนมีความปราถนาดี คุณยายคุณป้า ด้วยความรักหลาน เวลาถูกกระทบอะไรก็ไม่สบายใจ ส่วนครูเองทำไปด้วยความหวังดี ก็คือ จ้ำจี้จ้ำไชในเรื่องการส่งการบ้าน บางทีภาษา เด็กก็อาจจะสื่อความว่าเป็นภาษาที่แรง เท่าที่สอบถามทั้งสองฝ่าย ทุกคนก็ปราถนาดี หวังดีที่จะฝึกนิสัยเด็ก ให้มีความรับผิดชอบ ส่วนคุณยายก็รักหลาน ซึ่งทุกฝ่ายก็เข้าใจกันแล้ว เด็กก็ไปโรงเรียนแล้ว ตนมองว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญต่อเด็ก เป็นโอกาสเดียวที่คนอย่างเราจะพัฒนาตนเอง ให้สามารถดูแลตนเองได้ นโยบายของรัฐบาลก็ส่งเสริมในการศึกษา ให้ทุกคนได้พัฒนาศักยภาพและจะได้เป็นคนที่มีคุณค่า มีศักยภาพดูแลบ้านเมืองต่อไป ทุกฝ่ายเข้าใจกันดีแล้ว ส่วนเรื่องของการขาดแคลน เราก็จะดูแลช่วยเหลือให้ ขณะนี้ก็มีการบันทึกข้อมูลในโครงการของกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ส่วนทุนการศึกษาต่างๆเราก็จะได้ดูแล ซึ่งไม่ได้มีรายเดียวปัญหาเหล่านี้ ในพื้นที่มีมากพอสมควร เราก็พยายามจะช่วยเต็มที่เต็มกำลังของเรา

Advertisement

ด้านเจ้าหน้าที่จาก สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของยายของเด็ก เพื่อพบปะและสอบถามข้อมูล เพื่อให้การช่วยเหลือปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ในครอบครัว เนื่อง จากพบว่าเด็กอยู่อาศัยอยู่กับยายเพียงลำพัง ขณะที่พ่อแม่แยกทางกันและไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ทั้งนี้เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image