แกนนำ นปช.พลิกบทบาทเป็นจิตอาสาฮักบ้านเกิด รับภูมิใจและรู้สึกดีกว่าการพูดบนเวที
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายทูล เวชกลาง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พะเยา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนเป็นนักกิจกรรมการเมือง ขึ้นไฮด์ปาร์กบนเวทีปลุกพลังของผู้ร่วมชุมนุม เพราะคิดว่าการเมืองคือแนวทางของนักสู้ประชาธิปไตย ที่จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยที่มองว่านักกิจกรรมส่วนหนึ่งคือตัวแทนของประชาชนที่สามารถนำเสนอความคิด ความต้องการที่แท้จริงให้กับผู้นำในประเทศได้ โดยเฉพาะเวลาในการปลุกพลังใจด้วยถ้อยคำที่สร้างความฮึกเหิม จนเกิดพลังของการต่อสู้ของผู้ชุมนุม ณ ที่แห่งนั้น
แต่หลังจากลงเวที ตนก็คือคนธรรมดาที่ยังต้องทำมาหากินตามปกติ มาเวลานี้ไม่มีความวุ่นวายทางการเมือง ได้มาทำงานจิตอาสากับฮักบ้านเกิดพะเยา จากบทบาทของนักสู้ นักปลุกพลัง มาเป็นผู้ให้ หยิบยื่นและแบ่งปันกับผู้ที่ยังขาดแคลน เป็นสิ่งที่รู้สึกดีมากต่างจากการเป็นนักปลุกพลังบนเวทีฟ้ากับดิน
“เมื่ออยู่บนเวทีผมทำหน้าที่ปลุกระดม ก็จะรู้สึกฮึกเหิมอยู่พักหนึ่ง แต่ ณ เวลานี้ เมื่อชีวิตดำเนินปกติเหมือนเราไม่มีงานทำเพราะไม่มีม็อบ แต่พอมาทำงานเป็นจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคม การให้กับผู้ที่เขายังมีความต้องการจากสังคม แม้เพียงเล็กน้อยแต่คือน้ำใจ ความตื้นตันจนน้ำตาคลอ เป็นความอบอุ่น ความภูมิใจที่ต่างจากความรู้สึกฮึกเหิมอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญทำให้ผมรู้ว่าที่แท้จริงแล้วชีวิตคนเราต้องการสิ่งใดที่สุด ครอบครัว ความรักและจริงใจจากคนรอบข้าง เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ผมจะนำสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปสร้างพลังบนเวทีทุกแห่งนับจากนี้ เพราะหากการเมืองเข้าใจประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่อ้างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ผมคิดว่าจะเป็นการเมืองที่มีคุณค่าอย่างมาก” นายทูลกล่าว
ด้าน นายธนกร ใจกล้า จิตอาสาคนรุ่นใหม่ ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา แนวร่วมฮักบ้านเกิดพะเยา เปิดเผยว่า ตนได้เห็นตัวตนของนักปลุกม็อบเสื้อแดง ที่ตอนนี้มาทำงานจิตอาสาเพื่อสังคม ดีใจมากเพราะตนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้และทำงานจิตอาสาที่ไม่หวังผลใดๆ แต่สิ่งที่ได้คือความสุขใจ รอยยิ้ม คำขอบคุณ น้ำตาแห่งความยินดี ตนไม่เคยได้เห็นภาพเหล่านี้ทางการเมือง แม้นว่าในอนาคตตนมีความคิดจะก้าวเข้าสู่การทำงานการเมือง คิดว่ากิจกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยหลอมหัวใจคนไทยเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันมีคุณค่าอย่างมาก
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ นักกิจกรรมทางการเมือง นักการเมือง ทุกคนมีจิตที่เป็นสาธารณะร่วมกัน ทำงานจิตอาสาเพื่อบ้านเมือง แล้วความขัดแย้งก็จะหมดไป เพราะทุกฝ่ายเข้าใจประชาชนฐานรากแท้จริง ไม่อ้างเป็นเหตุผลทางการเมืองอีกต่อไป
