ปปท.ลงพื้นที่สอบผัดมาม่าวิญญาณหมู เช็กข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี

วันที่ 30 สิงหาคม จากกรณีที่ครูอ้อม ครูประจำชั้นอนุบาลของโรงเรียนวัดวงเดือนในพื้นที่ ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ร้องทุกข์ผ่านผู้สื่อข่าวว่า ห้องเรียนที่คุณครูท่านนี้เป็นครูประจำชั้นอยู่ ถูกมือดีปาด้วยก้อนเลือดสดๆ ใส่ จนเลือดไหลนองพื้นเป็นที่น่าสยดสยอง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่ตนเองท้วงติงและตรวจสอบเรื่องอาหารกลางวันของนักเรียนที่พบว่าไม่มีคุณภาพ และไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป โดยมีภาพของนักเรียนกินผัดมาม่าวิญญาณหมูเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ทางโรงเรียนอ้างว่าภาพดังกล่าวเป็นวันสารทจีนที่หาซื้อของสดไม่ได้ จนผู้ปกครองออกมาร่วมแฉว่าฟังไม่ขึ้น เพราะวันดังกล่าวร้านชำข้างโรงเรียนมีของสดทั้งหมู ไก่ ไส้กรอก และผักพร้อมขายเต็มตู้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้ จึงอยากให้หน่วยเหนือเข้ามาตรวจสอบ พร้อมให้ความปลอดภัยกับตน

ต่อมา 28 ส.ค. นางสาวลออ วิลัย ผอ.สพป.ชัยนาท ได้สั่งย้ายครูอ้อมไปช่วยงานที่ สพป.ชัยนาท แต่ถูกกระแสสังคมกดดันหนัก จนต้องออกหนังสือสั่งให้กลับคืนไปสอนที่เดิม แต่ให้ย้ายนายสุเทพ สิงห์สม ผอ.โรงเรียนวัดวงเดือน เข้าไปช่วยราชการที่ สพป.แทน ในขณะที่มีการสอบสวนเพิ่มเติมเรื่องของอาหารกลางวันฉาว หรือผัดมาม่าวิญญาณหมู ซึ่ง ป้าแต๋ว นางพันทิพา เอี่ยมละเอียด แม่ครัวได้ออกมาปฎิเสธและยืนยันว่าตนทำถูกต้อง ใส่ทั้งหมู ผักกะหล่ำ และไข่นั้น จนต้องออกมาสาบานต่อหน้าผู้สื่อข่าวตามที่เราได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

Advertisement

ล่าสุดนายพุฒิพงษ์ เลิศสถิต ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.พร้อมทีมสืบสวนสอบสวน เดินทางลงพื้นที่โรงเรียนวัดวงเดือนเพื่อสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง และสืบสวนทางลับในพื้นที่ เพื่อหาข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับกรณีผัดมาม่าวิญญาณหมู ว่ามีการกระทำผิดในส่วนกระบวนการขั้นตอนใดหรือไม่ โดยหลังจากได้เข้าทักทายพูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับอาหารกลางวันแล้ว นายพุฒิพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ในครั้งแรกอาจจะยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะสามารถรวบรวมข้อมูลได้เพียงพอที่จะชี้ว่ามีมูลหรือไม่อย่างไร โดยจะต้องดูกันตั้งแต่การจัดสรรงบประมาณอาหารกลางวันผ่านองค์กรปกครองส่วนทิ้งถิ่น จนมาถึงโรงเรียน และปลายทางสุดคือแม่ครัวว่ามีความผิดปกติอย่างไรหรือไม่ ซึ่ง ป.ป.ท.เองขอเวลาในการทำงาน ซึ่งอาจจะต้องขอดูข้อมูลย้อนหลังไป 5-6 ปี เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของสำนวน ก่อนที่จะส่งต่อให้ ป.ป.ช.หากพบการกระทำผิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image