โหดสุดสุด! หนุ่มจีนฆ่าโหดเมียคนไทย จับมัดมือมัดเท้าแล้วฟันแถมยังหมกศพคาบ้าน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.ย. ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีหญิงสาวถูกฆาตกรรมอำพรางเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเลขที่ 56/11 หมู่ 7 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.วรุต คณานนท์ รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 50 ตร.ว. ภายในห้องนอนบนบ้านพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาว 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.นันพิกา เกตุทอง อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพถูกห่อคลุมด้วยผ้าห่มมีเลือดไหลกองเต็มพื้น เมื่อเปิดออกดูพบว่ามีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณศีรษะ 2 แห่ง ห่างตาข้างขวา 1 แห่ง เป็นแผลฉีกขาดฉกรรจ์ สวมเสื้อลายเทาดำแขนยาว ท่อนล่างสภาพเปลือยเปล่า นอกจากนี้ ที่ข้อมือถูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีขาวผูกติดกับขาและที่ขาทั้งสองข้างถูกมัดด้วยสายยู ศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่างส่งผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

ต่อมามี นางลูกจันทร์ เกตุทอง อายุ 67 ปี พร้อมกับนายภาคภูมิ เกตุทอง อายุ 37 ปี ซึ่งแม่และน้องชายของผู้เสียชีวิต หลังทราบข่าวได้เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย เพื่อมาดูร่างอันไร้วิญญาณของลูกสาวถึงกับร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เปิดเผยว่า โดยปกติ น.ส.นันพิกา เกตุทอง หรือใจ จะพักอาศัยอยู่กับสามี คือ นายยีอี่ ไซ่ หรือ เหลียง อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นคนจีน อยู่กินเป็นสามีภรรยานานกว่า 10 ปี แล้ว โดยจะช่วยกันทำมาหากินเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่บริเวณสี่แยกวุ่นวาย ถ.สีหราชเดโชชัย ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก แต่เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา น.ส.นันพิกา ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาน้องชายให้ไปรับที่สนามบิน จ.พิษณุโลก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้มารับกี่โมงแล้วก็เงียบหายไป ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะให้นายยีอี่ ไซ่ เป็นคนมารับกลับบ้านแทน สุดท้ายโทรติดต่อพี่สาวไม่ได้จึงนึกเอะใจให้ญาติที่อยู่ จ.พิษณุโลก มาดูที่บ้านก็พบว่าประตูรั้วถูกปิดล็อคเรียกเท่าไรก็ไม่มีใครออกมา มีเพียงสุนัขพันธุ์บางแก้ว 2 ตัว ซึ่งปกติแล้วจะขังไว้ในกรงปล่อยออกมาข้างนอก จึงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ไปตัดกุญแจบ้านเพื่อตรวจสอบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกับผงะเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องนอนอย่างรุนแรง กระทั่งไปพบศพของ น.ส.พันพิกา ถูกคนร้ายฆ่าหมกศพไว้ดังกล่าว

ส่วนนายยี อี่ ไซ่ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 10.08 น. ของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ พร้อมกับได้ขออำนาจหมายศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับแล้ว โดยจะประสานกับตำรวจสากลเร่งติดตามตัว คาดว่าหลบหนีออกนอกประเทศกลับไปยังประเทศจีน

ขณะที่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงระบุ เมื่อช่วงเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 31 ส.ค.ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นมาจากที่บ้านหลังเกิดเหตุ แล้วมีเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครสนใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว กระทั่งวันนี้มาทราบเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ซึ่งปกติแล้ว น.ส.นันพิกา ผู้เสียชีวิต จะมีน้ำใจกับคนแก่ละแวกบ้านมักจะนำน้ำเต้าหู้มาแบ่งให้อยู่เสมอ แต่ตัวของนายยี อี่ ไซ่ ไม่เคยออกมาสุงสิงกับใครเลย และมักจะมีนิสัยขี้โมโหอารมณ์ร้อนเคยก่อเหตุวิวาทกับภรรยา เคยชกจนฟันหักมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า ในคืนวันเกิดเหตุทั้งคู่น่าจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเรื่องหึงหวงเพราะผู้ตายมีรูปร่างหน้าตาสวย ก่อนจะก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำครัวที่อยู่ในบ้านฟันศีรษะและใบหน้าภรรยาจนเสียชีวิตคาที่ แล้วจับแก้ผ้ามัดมือมัดเท้าใช้ผ้าห่มคลุมอำพรางศพก่อนจะขับรถยนต์หลบหนีไปในที่สุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image