หน.ห้วยขาแข้งยัน ‘ซาฟารี’ ไม่สร้างในพื้นที่อนุรักษ์ ยังอยู่ในขั้นตอนวิจัย เตรียมแถลง 5 ก.ย.

เมื่อวันที่ 4 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ออกมาเปิดเผยถึงโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก ตามแผนงานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสัตว์ป่า ในรูปแบบซาฟารี คล้ายในทวีปแอฟริกา ในระหว่างการร่วมงานรำลึก 29 ปี สืบ นาคะเสถียร โดยใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ บริเวณรอยต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกับอ่างเก็บน้ำทับเสลาบนเนื้อที่กว่า 3 หมื่นไร่ โดยเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นดีพี และมอบให้คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินการศึกษาวิจัย โดยหากสามารถดำเนินการได้นั้นคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท จนทำให้มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และไม่เห็นด้วยกับโครงการ ซาฟารี ห้วยขาแข้งนี้ เนื่องจากหวั่นว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศน์ ป่าห้วยขาแข้ง รวมไปถึงประชาชน ด้วยหรือไม่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จังหวัดอุทัยธานี ตลอดจนทุกภาคส่วน ควรให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวนี้ว่าสุดท้ายแล้วโครงการนี้ จะส่งผลเสียหรือดีมากกว่ากัน

นายธานี วงนาค หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

นายธานี วงนาค หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้กล่าวถึงกรณีโครงการซาฟารีห้วยขาแข้ง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในข่าวเรื่อง หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารกันออกไปในหลายแง่มุม ในการท่องเที่ยวสัตว์ป่า ซึ่งอาจเข้าใจกันว่า มีการจัดทำซาฟารีในพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จึงขอเรียนว่า ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น เป็นพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่าตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า จึงมีเพียงการศึกษาธรรมชาติ ที่ประชาชนทั่วไปเข้ามาศึกษาธรรมชาติ ได้ตามความเหมาะสมเท่านั้น

Advertisement

“สำหรับประเด็นเรื่องการจัดการท่องเที่ยวในรูปแบบของซาฟารีห้วยขาแข้ง ที่เป็นประเด็นข่าวที่สนใจของประชาชนทั่วไปอยู่ในขณะนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้ทำการประสานกับนักวิจัยคณะวนศาสตร์ ซึ่งได้ทำการวิจัยพื้นที่ด้านนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งพื้นที่วิจัยดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เนื่องจากพื้นที่สำรววจโครงการนั้นอยู่รอยต่อของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่โดยตรง ซึ่งนักวิจัยคณะวนศาสตร์ ได้ทำการวิจัยในรูปแบบการท่องเที่ยวสัตว์ป่าเชิงอนุรักษ์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์ โดยเป็นการวิจัยเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาและจัดการพื้นที่เชิงอนุรักษ์ที่อยู่ด้านนอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อันประกอบด้วย พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบางส่วน และบริเวณพื้นที่ริมเขื่อนทับเสลา และพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยหรือเป็นแหล่งทำกินของชาวบ้านแต่อย่างใด”

นายธานี กล่าวอีกว่า โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องใช้ข้อมูลเชิงวิชาการในการพัฒนาและจัดการถึงความเหมาะสมในพื้นที่ด้านนอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งต้องไม่มีผลกระทบถึงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และการวิจัยดังกล่าวนั้นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการวิจัยซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ สำหรับพื้นที่ที่อยู่ด้านนอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น คณะนักวิจัยจะสรุปถึงความเหมาะสมหลังจากทำการวิจัยแล้วเสร็จ พร้อมรูปแบบการพัฒนา แล้วนั้นจะต้องนำเสนอเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งชุมชนในพื้นที่เพื่อแสดงความคิดเห็นกันต่อไป ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทรัพยากรธรรมชาติ การเป็นมรดกโลก และประชาชน อย่างระมัดระวัง ซึ่งทางคณะวนศาสตร์จะมีการแถลงถึงโครงการดังกล่าว ในวันที่ 5 กันยายน นี้

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image