เผยผลสอบ ‘โฉนด’ ที่ดินโรงแรมดังภูเก็ต พบออกทับที่รกร้างคาดเป็นคลองบางรักเดิม เล็งชงกรมที่ดินเพิกถอน

วันที่ 6 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารทับคลองบางรัก หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ที่เทศบาลตำบลกะรน โดยมีนายทวี หอมหวน โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลกะรน เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต เข้าร่วม เพื่อหารือและกำหนดกรอบแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีประชาชนร้องเรียนว่า มีการก่อสร้างอาคารทับคลองบางรัก

สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว สืบเนื่องจากมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรู ตั้งอยู่บนเนินเขากะตะน้อยว่าบุกรุกป่าต้นน้ำ ใบอนุญาตก่อสร้างไม่ถูกต้อง และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ด้านล่าง โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ทางเทศบาลตำบลกะรน จึงได้มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบหาคลองบางรัก ซึ่งเป็นคลองรับน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ผ่านทุ่งนา (ในอดีต) และไหลลงทะเล เพราะหลังจากที่คลองดังกล่าวหายไปทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ และปัญหานี้เกิดก่อนที่จะมีโครงการที่จะมีโครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์ ประกอบกับเมื่อปี 2561 ชาวบ้านในพื้นที่กะตะน้อย ได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้ตรวจสอบคลองบางรัก และทางสาธารณประโยชน์ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการร้องเรียนไปยังกรมที่ดินด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการ เดอะพีคฯ และคลองบางรักไปพร้อมกัน กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เนื่องจากเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจ

Advertisement

นายอำนวย กล่าวในที่ประชุมว่า กรณีของคลองบางรักนั้น ได้มีชาวบ้านหาดกะตะน้อยร้องเรียนไปยังกรมที่ดินด้วย โดยขอให้ทำการตรวจสอบที่ดินของโรงแรมดังแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดกะตะน้อย ว่า มีการออกโฉนดทับที่รกร้างว่างเปล่า และกรมที่ดินได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินที่มีการร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งคณะทำงาน ได้มีการประชุมหารือไปแล้ว 2 ครั้ง ได้ข้อสรุปว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่มีการร้องเรียนไปนั้น เป็นโฉนดที่ดิน 1 ใน 9 แปลง ที่อยู่ในโฉนดที่ดินของโรงแรม ซึ่งโฉนดแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ และมีการรวมเอาพื้นที่รกร้างมาอยู่ในโฉนดด้วย โดยออกโฉนดแปลงดังกล่าวมาจาก นส.3 ก. จำนวน 2 แปลง ซึ่งมีการระบุว่า น.ส.3 ก. ทั้งสองแปลงนั้น ไม่ได้อยู่ติดกัน โดยมีที่ดินรกร้างว่างเปล่ากั้นกลาง และจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารหลักฐานใดๆ ให้ตรวจสอบ ประกอบกับโฉนดแปลงดังกล่าว มีนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินภูเก็ต เป็นผู้ลงนาม ซึ่งกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินที่ออกโดยนายธวัชชัยว่า ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ก็มีการคุ้มครองเจ้าของที่ดินหากมีการนำหลักฐานมาแสดงการได้มาของที่ดินดังกล่าว ทั้งนี้จะมีการเสนอไปยังกรมที่ดินเพื่อให้เพิกถอนโฉนดแปลงดังกล่าว ภายในเดือนกันยายนนี้ และหากกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินแปลงดังกล่าว ก็จะทำให้โฉนดที่ดินกลับคืนสู่สถานะเดิม และโฉนดแปลงรวมของโรงแรมก็จะต้องถูกเพิกถอนด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอธิบดีกรมที่ดินจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะเพิกถอนหรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อเสนอของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จเท่านั้น

“ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า พื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่อยู่ระหว่าง น.ส.3 ก. 2 แปลงนั้น จะใช่คลองบางรักหรือไม่ เพราะในการร้องเรียนไม่ได้ระบุว่า เป็นคลองสาธารณะ แต่ระบุว่า เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบโดยดูจากระวางแผนที่ทางอากาศประกอบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าของที่ดินด้วย เพราะขณะนี้ยังถือว่าที่ดินยังเป็นโฉนดอยู่ ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนจะต้องมีการสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านที่อยู่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมาเป็นเวลายาวนาน รวมถึงการตรวจสอบว่า มีทะเบียนที่สาธารณะหรือไม่อย่างไร” นายอำนวย กล่าว

Advertisement

ขณะที่ นายวันชัย กล่าวว่า การร้องเรียนกรณีคลองบางรักหายไปนั้น นอกจากมีการไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ยังมีการมาร้องที่เทศบาล เมื่อปี 2561 ซึ่งผู้ร้องได้แนบภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารมาด้วย โดยถ่ายเมื่อปี 2519 จะเห็นว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีคลองอยู่ และภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2542 ปรากฏว่าคลองได้หายไป แต่มีสิ่งก่อสร้างขึ้นมาแทน ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการร้องเรียนเทศบาล ด้วยว่า ปล่อยให้มีการก่อสร้างได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ที่ประชุมมีมติว่า ในการตรวจสอบคลองบางรักนั้น จะต้องดำเนินการมาตั้งแต่ต้นคลองซึ่งอดีตเป็นทุ่งนา ไปจนถึงบริเวณหน้าชายหาด เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะหากตรวจสอบเฉพาะบริเวณที่มีสิ่งก่อสร่งเกรงจะถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นธรรม พร้อมกันนี้ก็ให้เทศบาลตำบลกะรน ทำหนังสือเพื่อขอภาพถ่ายทางอากาศจากกรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีตั้งแต่ปี 2510 เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับแผนที่โฉนดปัจจุบัน เนื่องจากในโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวไม่มีคลองสาธารณะ รวมทั้งให้สอบปากคำผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว เพื่อมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image