เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายนารายญ์ แก้วยี่ กำนันตำบลฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา พร้อมด้วย นายพนม แก้วศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 และชาวบ้านในพื้นที่ เข้าตรวจสอบที่ดินสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเป็นป่าชุมชนในพื้นที่บ้าน โคกกราด ม.8 ต.ฉาง อ.นาทวี ซึ่งเป็นแอ่งน้ำที่ได้พัฒนามาจากบ่อลูกรังเก่า และ ยังเป็นฝายน้ำล้น มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เนื้อที่รวมประมาณ 500 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่รกร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่ได้รวมตัวกันพัฒนาทั้งการปลูกป่า การทำฝ่ายน้ำล้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งในพื้นที่ แต่หลังจากที่ได้มีการพัฒนาที่ดินสาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าว มีการตัดถนนกักเก็บน้ำ จนทำให้มีความสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวของคนในพื้นที่ ต่อมาได้มานายทุนลักลอบเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยทำสวนยางพารา สร้างบ้านเรือน กินพื้นที่กว่า 100 ไร่ โดยอ้างเอกสารสิทธิ์ สค.1 ที่นำมาแสดงเฉพาะสำเนาเท่านั้น
นายพนม กล่าวว่า ชาวบ้านได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง ป่าไม้ และ ที่ดิน ซึ่งทั้งหมดได้ลงไปตรวจสอบที่ดินที่ถูกบุกรุกดังกล่าว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานยืนยันว่าเอกสารสิทธิ์ สค.1 นั้นถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นเอกสารที่บวมออกมา เพื่อครอบครองสิทธิในที่ดินป่าชุมชน ทั้งนี้ทางผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่ยอมรับหากเจ้าของที่ดินได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากเป็นการบุกรุกก็จะต้องขับไล่ออกจากพื้นที่เช่นกัน เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างกับกลุ่มทุน หรือชาวบ้านคนอื่นๆ ที่จะฉวยโอกาสบุกรุกที่ดินที่ยังเหลืออยู่
สำหรับนายทุนที่เข้าไปบุกรุกที่ดินนั้น ในขณะนี้ได้มีการอ้างสิทธิในการครอบครอบที่ดินดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ยังปลูกสร้างบ้านพักแบบบ้านตากอากาศ 1 หลัง มีแทงค์น้ำ มีการกั้นรั้วลวดหนามแสดงอาณาเขตอย่างชัดเจน โดยยังมีแผ่นป้ายการปลูกป่าของชาวบ้านอยู่ภายในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย โดยมีการปลูกบ้านหันหน้าไปทางแอ่งน้ำ ด้านหลังของตัวบ้านเป็นเนินเขาสูง ทั้งนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าในการลักลอบบุกรุกที่ดินแปลงนี้ต้องการทำเป็นรีสอร์ทในอนาคตอย่างแน่นอน
