“สว.”ลงพื้นที่เชียงราย-พะเยา รับฟังปัญหาหมอกควัน-พัฒนาถ้ำหลวง

เมื่อวันที่ 11 กันยายน พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ที่ปรึกษาคณะกรรมการพร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าพบปะข้าราชการและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่ จ.เชียงรายและพะเยา โดยเข้าพบรับฟังข้อมูลและปัญหาด้านต่างทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าชายแดน ด้านแรงงานข้ามชาติ ด้ายสถานการณ์ภัยแล้ง ด้านปัญหาหมอกควันและคนไร้สัญชาติที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีนายภาสกร บุญญลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนให้ข้อมูล

ในที่ประชุมได้มีการสะท้อนถึงปัญหาท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันได้ลดปริมาณลงและเบนเข็มเข้าไปท่องเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยเช่นลาวหรือเวียดนามแทน เนื่องด้วยกฎระเบียบของกระทรวงคมนาคมที่เข้มงวดในเรื่องของพิธีการผ่านแดนและการขอนำรถเข้าประเทศที่ยังมีความล่าช้าและการขับรถในประเทศยังไม่สากลเพราะขับคนละเลนส์ของไทยทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ด้านการค้าก็ยังมีปัญหาด้านสารปนเปื้อนกับสินค้าส่งออกและนำเข้าทำให้เป้นอุสรรคต่อากรค้า เช่นเดียวกับปัยหาแรงงานข้ามชาติและคนไร้สัญชาติที่ยังมีปริมาณสูงทั้งนี้เพราะภาวะเศรษฐกิจและความต้องการของแรงงานราคาถูกเป็นจูงใจในการเคลื่อนย้ายแรงงาน นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้หยิบยกกรณีพัฒนาพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย มาพุดคุยด้วยเนื่องจากผ่านมานานกว่า 1 ปีแต่การพัฒนายังไม่ถึงไหนจนถึงโจมตีในโซเซียลต่างๆอย่างหนัก

นายกมลไชย คชชา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 กล่าวว่า แม้ทางรัฐบาลอนุมัติในหลักการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรพื้นที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 30 ตค2561อนุมัติงบประมาณเพื่อการพัฒนามูลค่าประมาณ 3,899.5 ล้านบาท ให้ แต่จนถึงขณะนี้พื้นที่ยังไม่ได้รับงบประมาณแม้แต่บาทเดียว เพิ่งกำลังจะได้รับงบประมาณจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวน 17 ล้านบาท เพื่อทำทีโออาร์แผนพัฒนาทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างการหาสถาบันการศึกษามาเป็นผู้ทำการศึกษาและจัดทำทีโออาร์

พลเอกสกนธ์ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูยปี 60 วุฒิสภามีหน้าที่ให้กลั่นกรองตามกฎหมาย จึงจำเป้นรับฟังข้อมูลจากทุกส่วนงานเพื่อให้ครบองค์ประกอบ ที่สำคัญบทเฉพาะการปี 60 ระบุว่าวุฒิสภามีหน้าติดตามการปฎิรูปประเทศ ดูแล เสนอและแก้ไข เชียงรายเป็นเมืองชายแดนที่มีพื้นที่ติดหลายประเทศทำให้มีประเด็นปัยหาให้ติดตามในหลายด้าน ในหน้าแล้งน้ำก็จะแล้งและสิ่งที่ตามมาคือการเผาสวนเผาไร่จนก่อปัญหาหมอกควัน กระทบชุมชนเมืองกระทบการท่องเที่ยว อีกประการมีชนเผ่าที่หลากหลายอาศัยอยู่บนพื้นที่สูงอยู่ในต้นน้ำพื้นที่อนุรักษ์จึงมีปัญหาเรื่องที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย ในฐานะที่เคยอู่สนช.มาก่อนเคยผลักดันให้มีการออกกำหมายให้คนอยู่กับป่ามาก่อน ครั้งนี้จึงมาติดตามว่ากฎหมายดังกล่าวมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

Advertisement

พลเอกสกนธ์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เรื่องของแรงงานต่างด้าวพบมีสิ่งแปลกประลาดคือคนกัมพูชามาทำงานในพื้นที่เพื่อทำงานเก็บลำใย ซึ่งอยู่ไกลกันมากซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าค่าแรงในพื้นที่ไม่สามารถรองรับแรงงานเมียนมาหรือลาวได้ จึงนำคนกัมพูชาที่มีค่าแรงถูกกว่ามาใช้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาด้านความั่นคงได้ ขณะเดียวกันยังมาดูกระบวนการตรวจสอบพืชผักผลไม้ว่ามีการยาฆ่าแมลงตกค้างหรือไม่มีการตรวจสอบอย่างไร ส่วนประเด็นถ้ำหลวงถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะมีการสร้างหนังแล้วคนก็จะมาเที่ยวมาก แต่ยังไม่มีการพัฒนาเพิ่มกำลังจะทำทีโออาร์ถือว่ามันช้ามากจะต้องมีการเร่งเรื่องนี้ ส่วนหมอกควันเป็นปัญหาซ้ำซากที่ทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาช่วยกันด้วยการให้ความรู้และหาแนวทางป้องกันให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ส่วนจะให้ปัญหาหมดไปจะต้องแก้ปัญหาแบบบูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน ซึ่งหมอกควันภาคเหนือกับภาคใต้บริบทของพื้นที่แตกต่างกัน ภาคเนหือหมอกควันมาจากการเผาในพื้นที่ส่วนภาคใต้หมอกควันมาจากต่างประเทศ การแก้ปัญหาก็แก้กันตามพื้นที่และค่อยๆแก้กันไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image