วันที่ 16 กันยายน นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ตัวแทนผู้ประสานงานเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ส่งทีมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญตัวแทนหน่วยงานระดับกระทรวง ด้านการปราบหนอนหัวดำมะพร้าว ลงพื้นที่ อ.บางสะพานทุกตำบล โดยเฉพาะในเขตเทศบาลบ้านกรูด และ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ธงชัย เพื่อแนะแนวทางแก้ไขปัญหาการระบาดหนอนหัวดำอย่างรุนแรงหลายร้อยไร่ และมีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบกับจำนวนผลผลิตในระยะยาว สำหรับพื้นที่ ต.ธงชัย ชาวสวนพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายในการปราบหนอน แต่ขอให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ออกกฎกระทรวงใช้บังคับการแก้ปัญหาในสวนมะพร้าวที่เจ้าของอยู่นอกพื้นที่หรือสวนมะพร้าวที่ทิ้งร้างเป็นแหล่งสะสมของแมลง โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐเข้าไปปราบหนอน ได้โดยไม่โดนข้อหาบุกรุก
“ขอให้กระทรวงเกษตรฯ กำหนดโทษเจ้าของสวนที่ปล่อยทิ้งร้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล หรือเกษตรอำเภอที่เกียร์ว่างไม่ออกสำรวจหรือรายงานผลความเสียหายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ หลังจากชาวบ้านได้แจ้งให้ อบต.ช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เพราะถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่น (สตง.) ทักท้วงเรียกเงินคืน ขณะที่หลายปีก่อน อบต.และเทศบาลทั้งจังหวัดใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อเพาะแตนเบียนสำหรับปราบแมลงศัตรูมะพร้าวโดยรวมถึงชาวสวนที่ไม่ขึ้นทะเบียน ดังนั้นขอให้หน่วยงานรัฐควบคุม ทั้งในสวนที่ระบาดแล้ว แต่เจ้าของไม่ดำเนินการและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าไปดูแลรักษา” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ขอให้เจ้าของสวนที่ปล่อยร้างชดใช้ความเสียหายของแปลงมะพร้าวข้างเคียง เพราะบางพื้นที่มีการปกปิดจากเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยงานท้องถิ่นและเกษตรอ้างว่าไม่มีงบและไม่ใช่หน้าที่ สำหรับสาเหตุที่ทำให้แมลงระบาด มาจาการลักลอบนำเข้ามะพร้าวเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังมีปกติ แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีมาตรการยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายเอาผิด พ่อค้าบ้างจังหวัดมีการประกาศขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กอย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่ผลผลิตในประเทศเริ่มลดลง ทำให้มีราคาสูงผลละ 12 บาท ขายเป็นมะข้าวขูดผลละ 17 – 18 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการปั่นราคาในระยะสั้นจากเจ้าของโรงงานกะทิเพื่ออ้างเหตุผลในการนำเข้าตามกรอบองค์การการค้าโลก
