“ทนายตั้ม” ชี้ถ้าพนักงานอัยการคดีทุจริตภาค7สั่งไม่ฟ้อง “อดีตผบก.กาญจน์-ครูปรีชา-2เจ๊” หมวดจรูญก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องทั้ง 4 ได้โดยตรง

ภายหลังจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สรุปสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ แจ้งความดำเนินคดี นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา คู่กรณีในคดีหวย 30 ล้านอลเวง พร้อมพวกรวม 3 สำนวน คดีแรกสั่งฟ้อง ครูปรีชา และ นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าลอตเตอรี่พยานปากสำคัญของ ครูปรีชา ข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหากลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา สำนวนที่ 2 สั่งฟ้องข้อหาให้การเท็จกับ นายฐนุกร หรือแผน เหลืองใหม่เอี่ยม พนักงานขับรถธนาคารแห่งหนึ่ง พยานปากเอกของครูปรีชาที่ให้การว่าเห็นหมวดจรูญเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้ ส่วน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี อดีต ผบก.กาญจนบุรี พนักงานสอบสวนกองปราบฯ สั่งไม่ฟ้องคดีแก้ไขสำนวนการสอบสวนคดีหวย 30 ล้านบาท ด้วยเหตุผลหลักฐานมีน้ำหนักไม่เพียงพอ โดยคณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนการสอบสวนคดีหวย 30 ล้านบาท ทั้ง 3 สำนวน เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม โดยนัดหมายให้ ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และนายแผน จำเลยทั้ง 3 คนจากทั้ง 2 คดีไปพบอัยการ เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาล นั้น

วันนี้ 18 ก.ย.62 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวของ ร.ต.ท.จรูญ ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กระบุว่า แม้คณะพนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ข้อหาปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการที่มีการแก้ไขสำนวนสอบสวนหลายครั้ง เพราะหลักฐานอ่อน จนเป็นเหตุให้ครูปรีชา ป้าบ้าบิ่น ป้าพัช หลุดพ้นจากข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปด้วยนั้น สำนวนสั่งไม่ฟ้องนี้เป็นเพียงแค่ความเห็น ส่วนการจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการคดีทุจริตภาค 7 ว่าจะเห็นตามคณะพนักงานสอบสวนหรือไม่

ถ้าไม่เห็นตามก็สั่งฟ้อง พนักงานสอบสวนต้องนำผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมาส่งตัวที่พนักงานอัยการ แต่ถ้าเห็นตามก็สั่งไม่ฟ้อง คุณลุงจรูญก็ยังมีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องทั้ง 4 คนเป็นจำเลยต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้โดยตรงอยู่แล้ว

จริงๆแล้วคดีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คนที่เป็นผู้กล่าวโทษดำเนินคดีอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี คือตำรวจกองปราบปรามเอง ซึ่งในยุคนั้นทั้งแจ้งความ และกล่าวโทษที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ท้ายที่สุดก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องด้วยตัวเองเช่นกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image