วันที่ 26 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำกระบี่ ผกก.สภ.ควนกาหลง พร้อมนางสาววัชรี ศิริ พัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กละครอบครัวจังหวัดสตูล พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วม 10 นายหลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเด็กถูกล่ามโซ่ผูกติดไว้กับต้นไม้นานนับปี จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุที่ตำบลควนกาหลง อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปที่บ้านดังกล่าวพบแม่ ทราบภายหลังว่าชื่อนางภรนภัส นุ่นมี อายุ 47 ปี (เป็นแม่เลี้ยง) ก่อนจะถามหาเด็กน้อยที่ถูกล่ามโซ่ โดยแม่ได้นำเจ้าหน้าที่ไปที่ต้นมะขามขนาดใหญ่ห่างจากบ้านประมาณ 10 เมตร ทันทีที่พบเด็กนั่งบนเปล เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปใกล้ได้พยามหลบหนีซ่อนหน้าเข้าภายในต้นไม้ และพูดจาซ้ำไป ซ้ำมาเป็นภาษาใต้ทางนครฯ เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าจะให้เอาโซ่ออกไหม น้องน็อตหนูน้อยบอกว่าให้เอาออกพ่อผูกขาให้ติดกับต้นไม้ โดยเจ้าหน้าที่พบโซ่ขนาดนิ้วโป้งยาวไม่มากนักพอให้เดินรอบต้นไม้ได้ในระดับหนึ่ง ถูกล่ามโซ่ไว้กับข้อเท้าด้านขวา ผูกติด ต้นไม้ ใกล้ๆบริเวณพบกระละมังใบเล็กพร้อมช้อน คาดว่าจะเป็นภาชนะใส่ข้าวให้หนูน้อย ที่ไม่มีร่องรอยของข้าวแล้ว
ตำรวจได้เชิญพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งเข้านอนภายในบ้านหลังจากกลับจากกรีดยางพารา คือ นายกิติศักดิ์ ไผ่บุญจันทร์ อายุ 37 ปี โดยให้ไปนำกุญแจมาปลดปล่อยบุตรชาย วัย 13 ปี โดยก่อนทำการปล่อยลูก พ่อได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อแรกเกิดไม่นานน้องน็อต ได้มีอาการลมชักจากนั้นมามีพฤติกรรมที่อยู่ไม่นิ่ง คล้ายคนสมาธิสั้น พาไปพบหมอโสตเมื่อครั้งอยู่กับย่าที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ห่างการรับยามานานและไม่ได้รักษาต่อเนื่อง พักหลังๆลูกจะวิ่งหนีไปไกลต้องคอยตามกลับบ้าน กลัวว่าจะตกน้ำ งูเงี้ยวกัด เนื่องจากตนต้องออกไปตัดยางพารา และยอมรับว่าเหนื่อยจากงาน ไม่ได้พักผ่อนกลัวลูกจะได้รับอันตรายก็นำมาผูกติดไว้กับต้นมะขาม
เคยนำไปอยู่กับย่าแล้ว แต่ลูกอยากมาอยู่กับน้องชาย ซึ่งได้ลูกกับภรรยาใหม่ จึงนำมาอยู่ด้วย ส่วนแม่ของน้องน็อตได้เลิกลากันไปนานแล้ว ส่วนภรรยาใหม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดีไม่มีแรงจะวิ่งไล่จับจึงเป็นที่มาของการล่ามโซ่ลูกชาย โดยจะนำมาล่ามในช่วง 8 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง หลังพ่อทำธุระพักผ่อนเสร็จก็จะแกะโซ่ลูกนำไปอาบน้ำ และนำไปผูกภายในบ้านอีกครั้งเพื่ออยู่ด้วยกันทำแบบนี้มาร่วมปีแล้ว ยอมรับว่าตีลูกบ้างเพื่อกำราบเพื่อให้เขาเชื่อฟัง เพราะพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง การให้อาหารลูกก็ให้ครบ 3 มื้อมีขนมบ้าง แต่ยอมรับว่าลูกกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเป็นคนกินเก่ง ทำให้ต้องจำกัดอาหาร
หลังจากนั้นพ่อได้นำกุญแจมาไขที่ข้อเท้าน้องตามคำสั่งของตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะช่วยกันจับน้องไม่ให้วิ่งหนี และเชิญชวนไปสอบปากคำถึงสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งการล่ามโซ่ลูกในครั้งนี้ พร้อมกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และบ้านพักเด็กจังหวัดอีกครั้ง
พร้อมดูสภาพร่างกายโดยรวมของน้องว่ามีอาการบาดเจ็บตามร่างกายหรือไม่ พบร่องรอยบาดแผลที่ศรีษะและตามตัวตามคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อว่าเกิดจากความซนเสียเป็นส่วนใหญ่
ทันทีที่นำน้องเข้ามายังโรงพัก โดยมีพ่อแม่ตามมาทีหลังนั้น น้องได้ดิ้นหลุดมือตำรวจมุ่งไปที่ถังขยะเก็บเศษอาหารที่กินเหลือทิ้งอย่างไม่สนใจสายตาใคร เป็นภาพที่สะท้อนถึงอาการหิวโซจะด้วยโรคที่เป็นหรือไม่ แต่ภาพนั้นสร้างความตกใจให้กับผู้พบเห็น ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยกันดึงน้องออกมา และเตรียมอาหารให้ทานอย่างเต็มอิ่ม
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำกระบี่ ผกก.สภ.ควนกาหลง กล่าวว่า จากคำบอกเล่าของพ่อ พบว่าเป็นความจำเป็นเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย เพราะลูกมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง อีกทั้งตนรับจ้างกรีดยางพาราจึงนำลูกล่ามโซ่ไว้ ซึ่งดูจากพกฤติกรรมของน้องน็อตแล้ว ก็เชื่อได้ว่าน่าจะมีความผิดปกติทางร่างกายและสมอง ซึ่งในทางคดีนั้นคงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูฐานความผิดอีกครั้ง
ด้านนางสาววัชรี ศิริ พัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล กล่าวว่า พ่อของน้องยอมรับว่าได้พยามค้นหาแหล่งรักษาลูกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปรักษาลูกที่ไหน จึงเลือกวิธีการล่ามโซ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในการกระทำต่อสิทธิ์มนุษย์ชน อีกทั้งเด็กเองก็มีพฤติกรรมที่อยู่ไม่นิ่งเชื่อว่าหากมีการเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง น้องจะมีอาการที่ดีขึ้น เพราะพ่อเองก็ยอมรับว่าลูกขาดการรักษามาพอสมควร
หลังจากนี้คงต้องมอบน้องให้ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กจังหวัดสตูลก่อน และเข้ากระบวนการรับการรักษาหลังพบพ่อแม่ไม่มีความสามารถในการดูแล สำหรับผู้ปกครองหากมีบุตรหลานมีความผิดปกติทางสมองและร่างกายควรพบแพทย์และรักษาอย่างต่อเนื่องเชื่อว่า กรณีนี้หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องน้องจะกลับมาหายได้
