เปิดคลิป นาทีอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำ นักศึกษาเทคนิคดับ 13 ศพ

เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุรถกระบะพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่า เมื่อเวลา 00.30 น. ที่ผ่านมส สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์กระบะพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน บริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ผจ 5322 ระยอง พลิกคว่ำอยู่บริเวณปากซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากการตรวจสอบมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหคุ 12 คน ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน รวมเสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 5 คน (สาหัส 2 คน)

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุทาง บริษัทที่กลุ่มผู้เสียชีวิตได้ไปฝึกงาน ได้จัดเลี้ยงอาหารให้แก่นักศึกษาฝึกงานวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ จากนั้นกลุ่มผู้เสียชีวิตได้ไปเที่ยวดูดนตรีคอนเสิร์ต ที่ซอยกิ่งแก้ว 2 จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.15 น. นายนิตยา สุขจันทร์ ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายช่างสีของบริษัท ได้ขับขี่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ผจ 5322 ระยอง บรรทุกผู้โดยสารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดออกมาจากซอยกิ่งแก้ว 2 มาตามถนนกิ่งแก้ว มุ่งหน้าถนนลาดกระบัง ในช่องทางเดินรถที่ 3 เพื่อกลับไปพักผ่อนยังที่พักในซอยกิ่งแก้ว 22/2 โดยมีคนนั่งอยู่ในห้องโดยสารจำนวน 4 คน และนั่งกระบะหลัง จำนวน 14 คน เมื่อมาบริเวณบริเวณที่เกิดเหตุ ได้ขับขี่แซงรถแท็กซี่ไปทางด้านขวามือ ในช่องทางเดินรถที่ 4 และเปลี่ยนกลับมาช่องทางเดินรถที่ 3 เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะคันดังกล่าวเสียหลักพลิกค่ำไปเฉี่ยวชนกับเสาไฟฟ้าและเสาไฟส่องสว่างของ อบต.ราชาเทวะ และตู้โทรศัพท์บริเวณทางเดินเท้าก่อนถึงปากซอยกิ่งแก้ว 21 ทำให้คนที่นั่งท้ายกระบะกระเด็นออกนอกรถจนมีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งแพทย์โรงพยาบาลบางพลี ร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ นำศพผู้เสียชีวิตดังกล่าวไปตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต ณ โรงพยาบาลบางพลี และจะได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานสาเหตุการเกิดเหตุ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป

Advertisement

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว อยากให้ยกเป็นอุทาหรณ์ ถึงผู้ใช้รถใช้ถนน การโดยสารในกระบะหลัง ที่ไม่มีที่นั่งและเข็มขัดนิรภัย มีความเสี่ยงสูงที่จะบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต หากเกิดอุบัติเหตุ ประกอบกับ การขับรถในลักษณะสุ่มเสี่ยง ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แซงตัดหน้ากระชั้นชิด ขับรถหย่อนประสิทธิภาพ หรือ เมาสุรา รวมไปถึง ผู้โดยสารนั่งท้ายรถกระบะมีการดื่มสุราหรือหย่อนขาขณะรถวิ่ง อย่ากระทำเด็ดขาดเพราะเป็นอันตราย

ที่ผ่านรัฐบาลก่อนหน้านี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จากอุบัติเหตุบนท้องถนนหลายครั้ง จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัย มีคำสั่ง หน.คสช.ที่ 15/2560 เรื่อง มาตรการการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสาธารณะ ซึ่งในกรณี ห้ามนั่งท้ายรถกระบะ และห้ามนั่งแคปในรถยนต์ 2 ประตู ขณะนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก พร้อมภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและผ่อนผันชะลอการบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ให้กับประชาชน ถึงอุบัติเหตุและอันตรายจากการโดยสารที่ไม่มีการนิรภัยมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการ กองบัญชาการทุกภาคส่วนให้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมสร้างช่องทางในการรับรู้ให้กับประชาชนเล็งเห็นความสำคัญในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย เคารพกฎจราจร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางเพื่อสร้างความปลอดภัย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image