เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 9 ตุลาคม พล.ต.สวราชย์ แสงผล ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตบ้านดงสรวง หมู่ที่ 2 ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ จึงได้สั่งการให้ พ.อ.สุภัทร ชูตินันทน์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กรม.ทพ.21 สั่งการต่อไปยัง ร.อ.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ทหารพรานที่ 2106 สนธิกำลังกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เหล่าหลวง ทหารชุดเคลื่อนที่เร็วกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และฝ่ายปกครองอำเภอบึงโขงหลง วางแผนจับกุม ขณะเจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่ใกล้ริมฝั่งโขงพบเรือหาปลาติดเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาใกล้ริมฝั่งโขง 
จากนั้นชายขับเรือได้โยนสิ่งของบางอย่างขึ้นมาบนฝั่ง เวลาต่อมาพบชายวัยรุ่นสวมเสื้อสีแดงเดินลงไปริมน้ำแล้วหยิบเอาถุงบรรจุสิ่งของเดินกลับขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น ชายดังกล่าวตกใจโยนทิ้งสิ่งของวิ่งหลบหนี แต่ถูกตามจับกุมตัวได้ ทราบชื่อนายภาคภูมิ ค่อยชัยภูมิ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 2 บ้านดงสรวง ต.ดงบัง จึงควบคุมตัวไปเอาสิ่งของที่โยนทิ้ง พบว่าเป็นยาบ้า 2 มัด นับจำนวนได้รวม 3,933 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง 
อีกรายสายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี สว.กก.3บก.ป., ร.ต.อ.โกญจนารถ ชาวยามกา รอง สว.กก.3 บก.ป.สนธิกำลังร่วมกับ ร.อ.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2106 และพ.ต.ท.นพดล วิเศษศรี รอง ผกก.สส.สภ.เหล่าหลวง ทหารชุดเคลื่อนที่เร็วกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และฝ่ายปกครอง นำกำลังออกดักซุ่มอยู่ริมฝั่งโขงเหนือหมู่บ้านท่าไร่ หมู่ที่ 12 ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ หลังสืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาบ้า พบชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น MSLAZ 150 ซีซี ทะเบียน 1กฌ 4689 จ.บึงกาฬ มาจอดตรงบริเวณเขื่อนกั้นตลิ่ง ริมฝั่งแม่น้ำโขงเหนือบ้านท่าไร่ ชายที่นั่งซ้อนเดินลงไปริมโขงถือเอาสิ่งของที่ว่างอยู่เดินกลับมาขึ้นรถที่เพื่อนจอดรอ เจ้าหน้าที่ซุ่มรออยู่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น 
ทราบชื่อนายภาคีย์ หรือบาส บุราณเดช อายุ 18 ปี บ้านโนนสวนปอ ต.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และนายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี คนขี่ ค้นในกระเป๋าสะพายสีน้ำเงินที่โยนทิ้ง พบเป็นยาบ้าจำนวน 4,731 เม็ด ทั้ง 2 รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายน้อยชาวลาวให้นำยาบ้าไปส่งให้กลุ่มผู้เสพจะได้รับค่าจ้างเป็นยาบ้า 2 ถุงหรือ 400 เม็ด แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายนำตัวส่ง พงส.สภ.หล่าหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
