เกษตรกรกระบี่เห็นด้วย ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ชี้ต้นทุนต่ำกว่า-หญ้าตายสนิท

เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ยางพารา กระบี่ เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเนินเขา ใช้เครื่องจักรลำบาก และค่าแรงงานตัดหญ้ามีราคาสูง

วันที่ 16 ตุลาคม เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ว่าจ้างรถไถตัดหญ้า กำจัดวัชพืชในสวนแทนการใช้สารเคมี แม้ว่าจะเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า การใช้สารเคมี เนื่องจากกังวลผลกระทบต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม และเห็นด้วยกับการแบนห้ามใช้สารเคมี พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส นายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย แสดงความคิดเห็นว่า ชาวสวนปาล์มน้ำมัน ยางพารา ภาคใต้ มีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ยาฆ่าหญ้า ทำลายวัชพืชในสวน เนื่องจากภูมิประเทศพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ เป็นเนินเขา สูงชัน ไม่สามารถใช้เครื่องจักรตัดหญ้าได้ และค่าจ้างแรงงานตัดหญ้าที่มีราคาสูง และยังไม่มีสารเคมีชนิดอื่นมาทดแทน จึงต้องใช้ยาฆ่าหญ้า แต่ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ใช้ ถึงวิธีการใช้ ปริมาณ ที่ถูกต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หากต้องยกเลิกใช้สารเคมีทั้งสามชนิด จะต้องมีสิ่งที่ทดแทน ค่าจ้างตัดหญ้าในสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพาร ไร่ละ 400-500 บาท ขึ้นกับสถานที่สวน ที่ราบ 400 บาท ที่ควน เนินเขา 500 บาท ค่าจ้างฉีดฆ่าหญ้าด้วยสารเคมี ค่าสารเคมี ค่าแรงงาน เฉลี่ยไร่ละ 400 บาท ได้ผลดีกว่า หญ้าตายสนิท นานกว่า จะงอกขึ้นมาใหม่ หากใช้เครื่องจักรตัดหญ้า ระยะเวลาไม่นาน ก็งอกขึ้นมาใหม่ ส่วนค่าจ้าง ทำลายต้นปาล์มน้ำมัน ที่มีอายุ มาก 25-30 ปี ใช้สารเคมีฆ่าหญ้า ค่าใช้จ่าย ค่าสารเคมี ค่าแรงงาน เฉลี่ยไร่ละ 300 บาท หากใช้เครื่องจักรรถแบ๊กโฮ สับ ขุด ต้องเสียค่าใช้จ่าย เฉลี่ยไร่ละ 3,300 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image